“บิ๊กตู่” ลั่น! แจง สภาฯ ฉะ ม็อบ ไม่หวังดี จงใจ ทำลายรากเหง้า ความเป็นไทย

นายกฯ แจงเหตุ จำเป็นต้อง เสนอญัตติ ประชุมรัฐสภา ร่วมกันอภิปรายแก้วิกฤต ยืนยันที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้วิธีการควบคุม มวลชนตามกฎหมาย โดยอะลุ้มอะล่วยมาตลอด ลั่น ไม่คิดทำลายอดีต ที่มีรากเหง้า อันทรงคุณค่าของชาติไทย

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมัยวิสามัญ เพื่อการเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยไม่มีการลงมติ ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี ล่าสุดเปิดการประชุมแล้ว โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่การประชุม จากนั้น ที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา

ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายที่ประชุมวิป 4 ฝ่าย ได้วางกรอบเวลาอภิปรายรวม 23 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 8 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ฝ่ายละ 5 ชั่วโมง และแบ่งเวลาให้ประธานรัฐสภาอีก 1-2 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงรัฐสภาแล้ว โดยผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการเตรียมความพร้อม นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆว่า ขอให้รอฟังการอภิปราย

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินเข้าห้องประชุมและชี้แจงถึงการเสนอญัตติของรัฐบาลว่า ว่า ขณะนี้ประเทศมีปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีจึงเห็นสมควร จะฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ตามมาตรา 165 โดยเฉพาะสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ต้างๆ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด มีความแออัด ประชิดตัวอยู่บ่อยครั้ง อาจสุ่มเสียงการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอุทกภัย ที่ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากสถานการณ์เช่นนี้จึงต้องระมัดระวังว่าจะเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไปอย่างไร จะลดปัญหาความแย้งต่างๆ ได้อย่างไร เดินหน้าเศรษฐกิจไปด้วยกันได้อย่างไร วันนี้เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศของเรา และต่างประเทศด้วย

สำหรับสถานการณ์การชุมนุมที่มีต่อเนื่องตั้งแต่ 14 ตุลาคม ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า เกิดอะไรขึ้น ตนไม่ขอกล่าว และไม่สมควรจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมามีการพักค้างคืนบ้าง มีกำหนดอยู่บ้าง ส่อให้เห็นถึงความยืดเยื้อ ตนและรัฐบาลเกรงว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 และอาจจะมีผู้ฉวยโอกาสทำให้เกิดความวุ่นวายได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ประเทศมาแล้ว

จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 มาตรา 11 ออก พ.ร.ก.การบริการราชการแผ่นดิน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เป็นเวลา 30 วัน และได้พิจารณาความเหมาะสมของสถานการณ์และประกาศยกเลิกไปแล้ว จึงย้ำว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้ดีที่สุด ใช้กฎหมายในลักษณะอะลุ่มอล่วยผ่อนผันมาโดยตลอด

ขณะเดียวกันตนมั่นใจว่าวันนี้คนไทยทุกคนไม่ว่าจะมีมุมมองการเมืองอย่างไร เชื่อว่าทุกคนยังคงรักชาติ วัฒนธรรม รักรากเหง้า และคุณค่าความเป็นไทย ทั้งนี้ รู้ว่าต้องการอนาคตที่ดี สำหรับประชาชนและประเทศ ต้องหาหนทางแก้ไขอย่างมีหลักการ มีเหตุผล และต้องเป็นไปตามกฎหมายทั้งสิ้น ต้องไม่ทำลายอดีตที่มีคุณค่า ที่มีรากเหง้า หยั่งรากลึก เข้าไปในหัวใจของคนไทยทุกคน