กรมควบคุมโรค พร้อมพิจารณาลดวันกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศจาก 14 วัน โดยเฉพาะจากประเทศที่เสี่ยงต่ำ ขณะนักวิชาการทั่วโลก คาดตัวเลขป่วยโควิด-19 จริงทะลุ 100 ล้าน ย้ำไทยควบคุมโรคดี แต่ต้องไม่ประมาท
วันที่ 30 ก.ย. 63 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทั่วโลกยังมีการระบาดของโควิด -19 อยู่ ปัจจุบันอัตราการพบผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 33 ล้านคนเกือบ 34 ล้านคน แต่นักวิชาการไม่มีใครเชื่อว่าป็นตัวเลขจริง เพราะต่ำกว่าความเป็นจริงค่อนข้างมาก หลายฝ่ายเชื่อว่าทั่วโลกอาจมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 100 ล้านรายแล้ว ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต ที่ประเมินไว้ 1 ล้านราย ก็อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงเช่นเดียวกัน
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ถือว่าดีกว่าทั้งโลกมาก พบผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศตั้งแต่ พ.ค. เพียง 1 รายที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ก็มีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยรายใหม่ได้ ก็ต้องย้ำว่าการเจอเชื้อรายใหม่ แต่ต่างจากคำว่าเกิดการระบาดระลอกใหม่ ขึ้นอยู่กับมาตรการควบคุมป้องกันโรค ว่าทำได้ดี และเข้มข้นแค่ไหน ซึ่งความเสี่ยงสำคัญตอนนี้คือการระบาดในเมียนมาที่มีพรมแดนติดไทย ซึ่งยังมีคนเข้าเมืองผิดกฎหมายยังพบประปราย ดังนั้นขอความร่วมมือทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ช่วยกันสอดส่องและหยุดการนำเข้าแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ
นพ.ธนรักษ์ กล่าวถึง การกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ 14 วันเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิดนั้น ยืนยันว่าเราทำงานตามฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน จนกว่าจะมีข้อมูลใหม่มาหักล้าง ซึ่งข้อมูลปัจจุบัน การกักตัว 14 วันเพียงพอ ส่วนการลดวันกักตัว 14 วัน หรือ 7 วัน ขอย้ำว่าตอนนี้ยังกักตัว 14 วัน แต่ตอนนี้มีการส่งสัญญาณว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะลดระยะเวลากักตัวลง ดังนั้น เรื่องพวกนี้ ทางทีมวิชาการดูอยู่อย่างใกล้ชิด เวลานำมาใช้ก็จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด ตัวอย่าง เช่นบางมณฑลของจีนไม่มีผู้ป่วยมา 200 กว่าวัน ถ้าเข้ามาในไทยก็ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้ามา
“ในการพิจารณาออกมาตรการต่างๆ นั้น เราไม่ได้พิจารณาแค่มิติเดียวแต่เราพิจารณาในความเสี่ยงภาพรวม และยังดูด้วยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นเราจะสามารถไปจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดีแค่ไหน เรามีการพิจารณาภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ความเสี่ยงต้นทาง วิธีกักตัว 7 วัน แล้วหลังจาก 7 วันแล้วจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เราไม่ได้ดูแค่มติว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว เราไม่อยากจะทำให้เสียสมดุล กระทรวงสาธารณสุขยินดีสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นโดยก้าวย่างไปด้วยความปลอดภัย” นพ.ธนรักษ์ กล่าว