ปธ.ศาลฎีกา อำลาตำแหน่ง ก่อนเปิดใจ ถึงบริบทการเมืองไทย ห่วงม็อบ นศ.ก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ จะเป็นอันตรายต่อสังคม วอน ควร เปลี่ยนถ่าย รุ่นสู่รุ่น ด้วยสันติวิธี เชื่อ โครงสร้าง สังคมไทย ผูกพันด้วยความ กตัญญู จะช่วยสานสายใยให้บ้านเมืองสงบ
วันที่ 29 ก.ย.63 ที่ ห้องประชุมใหญ่ สำนักประธานศาลฎีกา สนามหลวง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังการแถลงผลงาน ก่อนเกษียณครบวาระวันที่ 30 ก.ย. 63 ซึ่งผู้สื่อข่าว ตั้งคำถามประเด็นการเมืองว่า จากประสบการณ์ที่เคยเป็นนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมาก่อน อยากจะบอกอะไรกับน้องๆ นักศึกษาที่ออกมาประท้วงในช่วงนี้
นายไสลเกษ กล่าวว่า ตนมองว่าก็ไม่ได้แตกต่างจากนักศึกษาในยุคนี้ เพียงแต่บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ช่วงที่เป็นนักศึกษา ก็รู้สึกว่าอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ ท้าทาย เราต้องการเรียนรู้ หลายเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจ สมัยเรียน ม.ธรรมศาสตร์ ช่วงหลังเปลี่ยนแปลง 14 ต.ค. 2516 นักศึกษามีความคิดทางสังคมเยอะ อ่านตำราทุกอย่าง ทั้งมาร์กซิสต์ เลนิน เหมา เยอะแยะไปหมด ซึ่งเราต้องการเรียนรู้ว่าจริงๆ มันคืออะไร เพราะเราไม่รู้ ในที่สุดประสบการณ์ก็จะสอนเราเรื่อยๆ ว่า อันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่
ประธานศาลฎีกา กล่าวต่อว่า ประสบการณ์การล่มสลายของคอมมิวนิสต์ ประเทศจีนที่มีเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรม เด็กรังเกียจผู้ใหญ่ มองว่าพ่อแม่ หรือ บุพการีล้าหลัง ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงสังคม แล้วก็ปฏิบัติกับ บุพการีในแบบหนึ่ง ที่สุดการปฏิวัติวัฒนธรรมเกิดขึ้น ผู้หลักผู้ใหญ่กลุ่มอนุรักษ์นิยมถูกบีบออกจากสังคม และแล้ววันเวลาก็พิสูจน์ว่า การปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศจีนล้มเหลว เขาทำลายทรัพยากรผู้ใหญ่ ทำลายทรัพยากบ้านเมือง ไม่มีการเชื่อมต่อเปลี่ยนถ่ายอย่างสันติ แล้วต่อมากลุ่มคนที่ปฏิวัติวัฒนธรรมก็ถูกปฏิวัติคืน จนกระทั่งไม่มีที่ยืนในสังคม
“คิดว่าถ้าจะมาเทียบกับสังคมในขณะนี้ เราต้องสอน เราต้องให้โอกาสเยาวชนของเรา ให้เขาได้เรียนรู้ได้เข้าใจ สิ่งหนึ่งที่ผมมองว่า ความก้าวร้าว ความรุนแรง ความไม่ให้เกียรติกันนี่แหละ จะเป็นอันตรายต่อสังคม ทำอย่างไร จะทำให้การเปลี่ยนถ่ายจากรุ่นสู่รุ่น เป็นไปด้วยสันติวิธี ทุกคนมีความสุข รับได้ คนรุ่นเก่าต้องยอมรับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ก็ต้องยอมรับคนรุ่นเก่า สิ่งนี้คือสิ่งที่ยาก ตอนนี้ผมไม่มั่นใจว่าสถานการณ์สังคมไทย จุดนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า”ประธานศาลฏีกา กล่าว
เมื่อถามหากแกนนำนักศึกษาต้องถูกดำเนินคดีขึ้นศาล การใช้กฎหมายถูกต้องหรือไม่ นายไสลเกษ กล่าวว่า ศาลต้องใช้กฎหมายเป็นหลัก แต่ตัวกฎหมายเองก็มีความยืดหยุ่น ที่ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจได้ ยุคนี้ศาลต้องสร้างความเข้าใจ ให้เกิดการประนีประนอม การเจรจาไกล่เกลี่ยมากขึ้น วิธีพิจารณาของศาลก็เปิดช่องเช่นนี้
เป็นไปได้ไหมที่จะให้คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ที่มีข้อพิพาทกัน ได้สร้างความเข้าใจกันให้มากขึ้น เด็กมองว่าผู้ใหญ่ล้าหลัง ส่วนผู้ใหญ่ก็มองว่าเด็กล้มล้าง ต้องหาคนกลางมาช่วย ไม่เช่นนั้นหากความขัดแย้งลงถึงระดับครอบครัวจะคุยกันไม่ได้ เพราะอุดมการณ์ทางการเมือง อยากให้ใจเย็นมากขึ้น พูดด้วยเหตุผล ถ้าให้เกียรติผู้ใหญ่เขาก็ฟัง สังคมไทยผูกพันกันรุ่นสู่รุ่น ความกตัญญูเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ไม่สายที่จะสร้างความเข้าใจได้