จับตา! เพื่อไทย หลัง “คุณหญิงอ้อ” อาสา เป็น “กาวใจ” กอบกู้วิกฤต

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง กรณี “คุณหญิงอ้อ” ประกาศ จะขอทำหน้าที่ “กาวใจ” ประสานสิบทิศ ขอ ปรับโครงสร้าง พรรคเพื่อไทย ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมวอน แกนนำทุกฝ่าย ร่วมกันผนึกกำลัง กู้วิกฤต

ความเคลื่อนไหวภายในพรรค เพื่อไทย (พท.) กรณี คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะเข้ามาแก้ปัญหาภายในพรรคพท. หลัง”เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตัดสินใจลาออก จาก ประธานคณะยุทธศาสตร์

โดยมี แกนนำคนสำคัญ ทยายลาออกตาม “คุณหญิงสุดารัตน์” หลายคน ไม่ว่าจะเป็น พงษ์เทพ เทพกาญจนา, โภคิน พลกุล, วัฒนา เมืองสุข ฯลฯ

ทั้งนี้มีรายงานว่า สาเหตุ ที่ทำให้ “เจ๊หน่อย” หรือ คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่พอใจ เนื่องจาก ทั้งคู่ มี ปัญหา ไม่ลงรอย กันมานานแล้ว ตั้งแต่ ยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร ยังเรืองอำนาจ

ซึ่งได้ขอร้อง “คุณหญิงอ้อ” ไว้ ไม่ให้ เข้ามายุ่งกับ เรื่องราวภายในพรรค พท.

ดังนั้น ก่อนหน้านี้คุณหญิงพจมาน จึงอยู่วงนอกมาโดยตลอด และ การเข้ามาครั้งนี้ จึงน่าจับตามมองอย่างยิ่ง

สำหรับเหตุผลในการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทย เพราะต้องการสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย กอบกู้วิกฤติศรัทธา

ทำพรรคให้มีทิศทาง ฝากความหวัง ชิงกระแสประชาชนประชาธิปไตย จากพรรคก้าวไกล กลับมาเป็นเสาหลักอย่างแข็งแกร่ง

เพราะหลังจากรัฐธรรมนูญปี 60 เขียนมา คล้ายบีบพรรคเพื่อไทย ทำให้ต้องแตกพรรค แกนนำส่วนหนึ่งออกไป และเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองทำให้ขาลอย

หลายคนก็แยกตัวออกไปเพราะเข้ากับแกนนำซีกประธานยุทธศาสตร์พรรคเดิมไม่ได้

แม้ต้องการจะกลับมา แต่โครงสร้างพรรคไม่เอื้ออำนวย

ดังนั้นต้องทำการปรับโครงสร้าง เพื่อเปิดทางให้ทุกคน ทุกกลุ่มสามารถกลับมาทำงานร่วมกันในลักษณะคานอำนาจ แยกกลุ่ม ก๊วน และรวมกันเพื่อต่อสู้เลือกตั้งครั้งใหม่ โดยคาดหวังว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่หากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จอาจต้องแยกพรรค แต่ก็แยกอย่างมีทิศทาง

การที่จะทำให้ทั้งหมดเกิดได้นั้น ต้องมีผู้มีบารมีตัวจริงในการเข้ามานำพรรค ดังนั้นคุณหญิงพจมาน จึงจะเข้ามานำทัพและเป็นผู้ประสานงานด้วยตัวเอง โดยจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น

เพื่อที่จะรวบรวมนักการเมืองที่แตกออกไปทั้งหมด ให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อให้การบริหารงานเป็นเอกภาพ โดยต้องปรับเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิม ผู้ใหญ่ในพรรคซึ่งไม่ได้เป็น ส.ส. และได้บริหารพรรคอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์จึงต้องลาออก

เพื่อจะยุบคณะกรรมการชุดนี้ ให้มาทำงานภายใต้คุณหญิงพจมานโดยตรง และจะให้มีกรรมการบริหารพรรคน้อยลงกว่าเดิม แต่กระจายตัวแทนจากทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

เพราะที่ผ่านมาหากจะเปรียบเทียบพรรคเพื่อไทยเหมือนบริษัทมหาชน ไม่มีใครเป็นเจ้าของชัดเจน เวลาประชุมพรรคส.ส.จะกล้าแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย แต่เมื่อจะกลับไปใข้ระบบเก่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ บริษัทจะสั่งให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปในทิศทางเดียวกันได้

แต่การแสดงความเห็นก็อาจจะน้อยลง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีแกนนำพรรคส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบระบบการบริหารงานแบบบริษัท ตัดสินใจที่จะขอโลว์โปร์ไฟล์ตัวเองด้วย

ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ขณะนี้ส.ส.อีสานบางส่วนต่างเรียกร้องว่า ภาคอีสานเป็นฐานเสียงหลักของพรรค

ดังนั้น หัวหน้าพรรคจึงควรจะเป็นส.ส.ภาคอีสานบ้าง เก่งงานสภาฯ มีศักยภาพในการอภิปราย ต่อรองกับรัฐบาลได้ และมีวุฒิภาวะ จึงมีการเสนอชื่อนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานวิปฝ่ายค้าน

ขณะเดียวกัน กลุ่มส.ส.ภาคเหนือ โดยเฉพาะนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ยังมองว่า ในสถานการณ์เวลานี้ ยังไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรค และที่ผ่านมา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่งมีความอาวุโสและยังทำหน้าที่ได้ดี ควรดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากหัวหน้าพรรคมาจากภาคอีสาน เลขาธิการพรรคก็จะมาจากภาคเหนือ แต่หากหัวหน้าพรรคเป็นของภาคเหนือ เลขาธิการพรรคก็จะเป็นภาคอีสาน

เป็นประเด็น ร้อน ที่ต้องติดตาม … คุณหญิงอ้อ ในฐานะ เจ้าของพรรคตัวจริง ที่เคย ควักกระเป๋า อุ้มชู สส. มาโดยตลอด ย่อมมี “บารมี” ให้ทุกคน เกรงใจ ไม่มาก ก็น้อย !