“ไอติม”FB ร่ายยาว ปมรธน.จี้ทุกฝ่าย จับตาวุฒิสภา โหวตลักไก่ ที่มา สสร.

“ไอติม” โพสต์ จับตา การประชุม วุฒิสภา โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ ร่างรัฐบาล ส่อ หมกเม็ด “ลักไก่” ที่ มา สสร. เผยขณะนี้ล่ารายชื่อปชช.ได้แล้ว1แสนเสียง พร้อมเดินหน้า แก้รธน.

วันที่ 23 ก.ย.63 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ตัวแทนกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “อย่าล็อคสเปก ส.ส.ร. / อย่าปล่อย ส.ว.ลอยนวล” : 2 วิธีการแก้รัฐธรรมนูญแบบ “ลักไก่” ที่ประชาชนต้องจับตาและเฝ้ามอง” ระบุว่า เมื่อวาน ผมได้ไปร่วมเดินขบวนกับเครือข่ายภาคประชาชนอีกหลายกลุ่ม เพื่อนำรายชื่อ 100,732 คน ไปยื่นให้รัฐสภารับพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนตามกระบวนการที่เปิดไว้ทางกฎหมาย

ถึงแม้ฉบับนี้อาจตรวจสอบรายชื่อไม่ทันสำหรับพิจารณาในประชุมรัฐสภาสัปดาห์นี้ แต่อย่างไรก็ตามการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาข้อเสนอการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและของพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันนี้และพรุ่งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการกำหนดอนาคตประเทศ

ผมจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนเฝ้าจับตาดูท่าทีและการโหวตของสมาชิกรัฐสภาอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการลงมติเห็นชอบแค่เฉพาะข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาลอาจ “ลักไก่” ทำเป็นว่าได้แก้รัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นตามข้อเรียกร้องแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้แก้สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการนำพาประเทศออกจากวิกฤตการเมืองและสร้างหนทางกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่อาจกลับทำให้ประเทศไทยถึงทางตันหรือวนอยู่ที่เดิม

ผมขอคาดการณ์ 2 ปรากฏการณ์แก้รัฐธรรมนูญแบบ “ลักไก่” ที่เราต้องเฝ้าระวังในวันนี้และพรุ่งนี้

*ลักไก่ #1 = “ล็อกสเปก” ส.ส.ร.*

รูปแบบของ ส.ส.ร. ที่ถูกเสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลให้มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประกอบไปด้วย 200 คน โดย 150 คนมาจากการเลือกตั้ง และ 50 คนมาจากการสรรหา (20 จากรัฐสภา + 20 จากประชุมอธิการบดี + 10 จากตัวแทน นิสิต นักศึกษา)

ข้อเสนอนี้ อาจฟังดูผิวเผินเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ถ้าเราไปดูรายละเอียดของข้อเสนอ จะพบความน่ากังวลไม่น้อย

(i) ส.ส.ร. 200 คน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด – ถึงแม้เราอยากให้ ส.ส.ร. ที่มีตัวแทนวิชาชีพต่างๆ เราก็สามารถทำได้ภายใต้กลไกการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสรรหา (เช่น รับผู้สมัคร ส.ส.ร. ตามหมวดหมู่วิชาชีพต่างๆ และให้ประชาชนเลือกผู้สมัครที่ชอบที่สุดในแต่ละหมวดหมู่)

(ii) 20 คนจากตัวแทนรัฐสภา หมายถึงการมอบโควตาส่วนหนึ่งให้วุฒิสภา (ประมาณ 7 คน) ซึ่งพอเห็นถึงปัญหาความไม่เป็นกลางของ ที่มาของ ส.ว. แล้ว ก็แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่พยายามจะเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มที่สนับสนุน คสช. เข้าไปอยู่ใน ส.ส.ร. นี้

(iii) 10 คนจากตัวแทน นิสิต นักศึกษา ไม่ได้ถูกเลือกจากกลุ่ม นิสิต นักศึกษากันเอง แต่ถูกเลือกโดย กกต. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระที่ผู้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงขาดความไว้วางใจและตั้งข้อครหาถึงความไม่เป็นกลางมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงเจตนาซ่อนเร้นของระบอบ คสช. ในการออกแบบ ส.ส.ร. เพื่อพยายามสืบทอดอำนาจต่อไปแบบเนียนๆ และถ้ารัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ตั้ง ส.ส.ร. รูปแบบนี้ ระบอบ คสช. จะยังคงมีอำนาจในการควบคุมการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับถัดไปอยู่

*ลักไก่ #2 : ปล่อยให้ ส.ว. “ลอยนวล”*

ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีข้อเสนอใดที่ครอบคลุมถึงการแก้ไขอำนาจและที่มาของวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 คน ทั้งที่เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมที่สุดของการสืบทอดอำนาจ และใจกลางสำคัญของความวิปริตของระบอบการเมืองไทยปัจจุบัน

(i) “ความวิปริตในอำนาจ”
ไม่ว่าจะเป็นอำนาจในการมาเลือกนายกฯร่วมกับ ส.ส. 500 คน (มาตรา 272) ที่ทำให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว. 1 คน มีอำนาจมากกว่าประชาชน 1 คน 2 ล้านเท่า หรือ อำนาจอื่นๆอีกมากมาย เช่น การรับรองผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระ หรือ การติดตาม เสนอแนะ เร่งรัด และ ร่วมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ

(ii) “ความวิปริตในที่มา”
ไม่ว่าจะเป็นการที่ 6 ใน 10 ของคณะกรรมการสรรหาวุฒิสภา แต่งตั้งตนเองเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือจะเป็นการสงวนเก้าอี้วุฒิสภา 6 เก้าอี้ไว้ให้กับผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งเป็นข้าราชการประจำที่รับเงินเดือนเต็มเวลาอยู่แล้ว

(iii) “ความวิปริตในสัดส่วนสาขาอาชีพ”
ในขณะที่เราคาดหวังให้วุฒิสภาเป็นตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญที่มีความหลากหลายทางวิชาชีพ เพื่อนำความรู้เฉพาะทางของแต่ละคนมาช่วยกลั่นกรองกฎหมาย เกิน 40% ของสมาชิกวุฒิสภากลับประกอบแค่ 2 อาชีพ (ทหาร และ ตำรวจ)

(iv) “ความวิปริตในหน้าที่”
ในขณะที่วุฒิสภามีหน้าที่หลักในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร แต่เราจะเห็นว่าจากเรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาทั้งหมด 145 มติ ส.ว.ให้ความเห็นชอบทั้ง 145 มติ โดยมีค่าเฉลี่ยการลงมติเห็นชอบถึง 96% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับที่ควรจะเป็น

บางพรรคมักให้เหตุผลว่า ให้รอไปถกเถียงประเด็นเหล่านี้ตอนมีการจัดตั้ง ส.ส.ร. แล้ว แต่ในความเป็นจริง กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่าน ส.ส.ร. อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี

การริเริ่มกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างในการที่รัฐสภาไม่พูดถึงเรื่องวุฒิสภาในวันนี้ เพราะหากไม่มีการแก้ไขเรื่องวุฒิสภา (ซึ่งทั้งหมดรัฐสภาทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการจัดประชามติ) ความวิปริตเหล่านี้จะยังคงเหลืออยู่ในสังคมไทยไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี

ถ้ามีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เราก็จะยังมี ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนมาร่วมเลือกนายกฯ
ถ้ามีการสรรหากรรมการองค์กรอิสระใหม่ เราก็จะยังมี ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนมารับรอง
ถ้ามีกฎหมายไหนที่ถูกตีความให้เข้าข่ายการปฏิรูปประเทศ เราก็จะยังมี ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนมาร่วมโหวต
และประเทศจะยังคงวนเวียนอยู่ในวิกฤตการเมืองไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะถูกร่าง รับรอง และบังคับใช้

ผมจึงหวังว่าใน 1-2 วันข้างหน้าที่สำคัญนี้ สมาชิกรัฐสภาทุกท่านจะตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ท่านมีต่อประชาชน มากกว่าข้อผูกมัดที่ท่านมีต่อพรรคต้นสังกัด

โปรดอย่าล็อกสเปก ส.ส.ร. เพื่อสืบทอดอำนาจ แต่โปรดออกแบบ ส.ส.ร. ให้ยึดโยงกับประชาชนและเป็นกลางอย่างไร้ข้อครหา

โปรดอย่าปล่อย ส.ว. ลอยนวล แต่โปรดตัดอำนาจอันล้นฟ้าและแก้ไขความบิดเบือนในที่มาของ ส.ว. 250 คน

โปรดอย่า “ลักไก่” ทำเป็นแก้รัฐธรรมนูญ แต่โปรดแก้ประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการสร้างหนทางสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่จะทำให้ประชาชนกลับมารู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันของประเทศนี้อีกครั้งหนึ่ง

#1ในแสนเสียงแก้รัฐธรรมนูญ