รมว.สาธารณสุข เผย WHO ผลิตสารคดี ยกย่องความสำเร็จของไทยในการควบคุม โควิด-19 เผยแพร่ ทั่วโลก ให้ยึดเป็นต้นแบบ ย้ำระบบสาธารณสุขพื้นฐานเข้มแข็ง ใช้ยุทธศาสตร์ การมีส่วนร่วม ทุกภาคส่วน
วันที่ 16 ก.ย.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ดี จนได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก และขอมาถ่ายทำและผลิตวิดีโอ “แบ่งปันประสบการณ์โควิด 19 และมุมมองการตอบสนองของประเทศไทย” เป็นคลิปสารคดี เกี่ยวกับความสำเร็จของประเทศไทยในการตอบสนองต่อโรคโควิด 19 และ วิธีการป้องกันควบคุมโรค เพื่อแบ่งปันประสบการณ์แก่ประเทศอื่นๆ โดยไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ถัดจากนิวซีแลนด์ โดยจัดทำเป็นวิดีโอ 2 ภาษา คือ ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ มีความยาว 4.25 นาที เผยแพร่ทางช่อง Youtube ของ World Health Organization https://youtu.be/0wFuq-QdwAU หรือ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์องค์การอนามัยโลก www.who.int/covid-19
นายอนุทิน กล่าวถึงหัวข้อสำคัญ ที่ต้องการถ่ายทอดคือ หากมีระบบสาธารณสุขพื้นฐานที่เข้มแข็ง การต่อสู้กับโรคระบาดอย่างโรคโควิด 19 จะง่ายขึ้นมาก ซึ่งไทยใช้เวลา 40 ปีในการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข โดยจุดเด่นคือ การออกแบบ ให้ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ตอบสนองได้รวดเร็ว
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก มองว่าปัจจัยความสำเร็จของประเทศไทยคือ การที่มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพที่มีความเข้มแข็ง ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เฝ้าระวังควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชน มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีแรงจูงใจ ทุ่มเททำงาน มีนักระบาดวิทยาภาคสนามที่มีความชำนาญ ห้องปฏิบัติการมีศักยภาพสูง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ สำเร็จ
ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การตอบสนองอย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพของประเทศไทยเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่อง ซึ่งมีรากฐานจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข และความพร้อมระดับสูงที่จะรับมือกับการระบาดของไวรัส หรือ สถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินอื่นๆ เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก ประเทศไทยเริ่มรับมืออย่างรวดเร็ว เมื่อต้นเดือนมกราคม หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าโรคโควิด 19 จะเป็นปัญหาใหญ่ “ข้าพเจ้าขอชื่นชมการทำงานอย่างแข็งขันของรัฐบาลในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อรับมือกับความท้าทายใหญ่หลวงนี้ และขอแสดงความยินดีกับบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครทุกคนที่ได้ทุ่มเทเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น” ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การอนามัยโลก กล่าว
