อดีต รมว.คลัง แนะ ขึ้นภาษี แวต และ ลดเงินเดือน ขรก. แก้ปัญหาถังแตก อย่าเอาแต่กู้จนหนี้ท่วมใช้ไม่ไหว เย้ย ไม่ต้องกลัวเสียคะแนนนิยม เพราะไม่มีใครนิยมแล้ว พร้อมเผยเบื้องหลัง ปม “ปรีดี” ทิ้งเก้าอี้ “ขุนคลัง”
นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) จาก 7% เป็น 9% หรือ เพิ่มขึ้น 2% ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น 1.2 แสนล้านบาท เพื่อนำไปแก้ปัญหาโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะการหวังใช้เงินกู้อย่างเดียวจะมีปัญหาการเงินการคลังในไม่ช้า คาดว่าในปี 2564 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะสูงเกิน 60% ต่อจีดีพี ซึ่งเกินกรอบความยั่งยืนการคลังที่กำหนดไว้
“เดือน ม.ค. 2564 รัฐบาลต้องขึ้นภาษีแวต เพราะไม่เช่นนั้นจะตายกันหมดเงินของประเทศไม่มีแล้ว จะกู้เงินอย่างเดียวประเทศก็พังเพราะหนี้สูงจนไม่มีเงินชำระหนี้ คนเข้าใจผิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีไม่ควรขึ้นภาษี เพราะการเก็บภาษีไม่ได้มากองทิ้งไว้ แต่เก็บภาษีมารัฐบาลก็ใช้ออกไปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และรัฐบาลไม่ต้องกลัวว่าขึ้นภาษีจะเสียคะแนนนิยม เพราะตอนนี้ก็ไม่มีใครนิยมรัฐบาลอยู่แล้ว”
นายสมหมาย กล่าวว่า นอกจากการเก็บภาษีแล้ว รัฐบาลควรลดรายจ่ายประจำ ที่สำคัญ คือ การลดเงินเดือนข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ตอนนี้มีจำนวนคนมากกว่างาน ยิ่งมีโควิด-19 ทำงานน้อยลงแต่ได้เงินเดือนเท่าเดิม ดังนั้นควรลดเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ แต่ยังไม่ต้องลดคน เหมือนกับบริษัทเอกชน ที่ตอนนี้มีการลดรายจ่ายส่วนใหญ่มีการลดเงินเดือนพนักงานไปแล้วไม่น้อยกว่า 25% “รัฐบาลต้องแก้วิกฤตเศรษฐกิจแบบฉีกแนว อยู่แบบนี้ทำแบบเดิมไม่มีอะไรดีขึ้น ผมคิดว่านายกไม่กล้าทำ แต่ก็ต้องบอกนายกว่าถ้าไม่ทำ ประเทศก็อยู่ไม่ได้” นายสมหมาย กล่าว
นายสมหมาย ยังกล่าวถึง การลาออกของ นายปรีดี ดาวฉาย จากตำแหน่ง รมว.คลัง หลังจากทำงานไม่ถึงเดือน เป็นเพราะปัญหาสุขภาพและการเมืองผสมกัน และ นายปรีดี อาจไม่รู้ว่าปริมาณงานในตำแหน่ง รมว.คลัง มีมาก ต้องตัดสินใจตลาดเวลา ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนจนทำให้มีปัญหาสุขภาพได้ นอกจากนี้ยังโดนการเมืองรับน้อง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งข้าราชการ และมีคนส่งหนังสือไปถึงกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เซ็นลาออกจากตำแหน่ง ทั้งที่ นาย ปรีดี ที่เป็นประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ไม่รู้เรื่อง