‘แอมเนสตี้’ ปฏิบัติการด่วน! ปลุกสมาชิก 8 ล้านคนทั่วโลก ส่งจดหมายบีบ รัฐบาลไทยยกเลิก การตั้งข้อหา ยุยง ปลุกปั่น ต่อผู้ชุมนุมทั้ง 31 คน โดยมีโทษคุก 7ปี ชี้ เป็นกฎหมายที่ ขัดขวาง สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน
วันที่ 4 ก.ย.63 สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วน เชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม และผู้สนับสนุนกว่า 8 ล้านคนทั่วโลก ร่วมกันส่งจดหมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องทางการไทย ยกเลิกข้อหาต่อผู้ชุมนุมทั้ง 31 คน ยุติการขัดขวางการเข้าร่วมชุมนุมของประชาชน หรือ ปิดปากเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและการแสดงความเห็นในประเด็นทางสังคม รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายที่มีเนื้อหากำกวมหรือคลุมเครือ เพื่อให้กฎหมายเหล่านี้มีเนื้อหาสอดคล้องกับพันธกิจของประเทศที่จะเคารพ คุ้มครอง และเติมเต็มสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งการรณรงค์นี้จะมีไปถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2563
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ผู้ชุมนุมอย่างสงบ 31 คน ประกอบไปด้วย นายอานนท์ นำภา นายบารมี ชัยรัตน์ นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ นายเดชาธร บํารุงเมือง นายจักรธร ดาวแย้ม นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นางสาวจิรฐิตา ธรรมรักษ์ นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นายกานต์นิธิ ลิ้มเจริญ นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายกฤษณะ ไก่แก้ว นางสาวลัลนา สุริโย นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา นายณัฐพงษ์ ภูแก้ว นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ นางสาวเนตรนภา อํานาจส่งเสริม นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นายภานุมาศ สิงห์พรม นายภาณุพงศ์ จาดนอก
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นางสาวพิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ นายปรัชญา สุรกําจรโรจน์ นางสาวสิรินทร์ มุ่งเจริญ นางสุวรรณา ตาลเหล็ก นายทักษกร มุสิกรักษ์ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี นายธนชัย เอื้อชา นายธนายุทธ ณ อยุธยา นายธานี สะสม นายทศพร สินสมบุญ และ นายยามารุดดิน ทรงศิริ อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดเจ็ดปี เนื่องทางการไทยออกหมายจับแกนนำและนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยจำนวน 15 คน จากบทบาทในการจัดการชุมนุมที่กรุงเทพ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ส่วนผู้ชุมนุมอีก 16 คนได้รับหมายเรียกและถูกแจ้งข้อหาจากเหตุการณ์เดียวกัน
“ทั้ง 31 คนถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรงรวมทั้งยุยงปลุกปั่น ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีเนื้อหากำกวมและจำกัดเสรีภาพ ที่รัฐบาลมักใช้เพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์ หากศาลตัดสินว่ามีความผิด นักกิจกรรมแต่ละคนอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดเจ็ดปี การจับกุมผู้ชุมนุมอย่างสงบที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นถึงการปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ที่เข้มข้นขึ้น”
แอมเนสตี้ ยังกังวลว่า ข้อหามีขอบเขตและเนื้อหากว้างขวางเช่นนี้ กำลังถูกใช้เพื่อปิดปากผู้วิจารณ์รัฐบาลของไทย ซึ่งมีประวัติการจับกุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือ มีแรงจูงใจทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และเสียใจที่มีการปราบปรามการจัดกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ การเข้าร่วมและการจัดการชุมนุมโดยสงบ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน เช่นเดียวกับการมีสิทธิในเสรีภาพการแสดงความเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การใช้สิทธิเหล่านี้ไม่อาจถือเป็นความผิดทางอาญา และไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจึงเชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม ผู้สนับสนุน ตลอดจนผู้ที่สนใจประเด็นสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เขียนจดหมายเรียกร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ให้ยกเลิกข้อหาต่อผู้ชุมนุมทั้ง 31 คนและบุคคลอื่น ๆ โดยทันที พวกเขาถูกดำเนินคดีเพียงเพราะใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ และยุติความพยายาม หรือ การดำเนินงานใด ๆ
ที่มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการเข้าร่วมของสาธารณะในการชุมนุมโดยสงบ หรือ การปิดปากเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและการแสดงความเห็นในประเด็นทางสังคม รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายที่มีเนื้อหากำกวมหรือคลุมเครือ เพื่อให้กฎหมายเหล่านี้มีเนื้อหาสอดคล้องกับพันธกิจของประเทศที่จะเคารพ คุ้มครอง และเติมเต็มสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ