ประธานตรวจสอบคดี “บอส” ทายาทกระทิงแดง เตรียมนำข้อสรุป เสนอนายกฯ พิจารณา 31 ส.ค. ชี้ เป็น “มหากาพย์” ที่ครอบคลุม ทุกภาคส่วน ทั้ง อัยการ ตำรวจ ซึ่งร่วมมือกันเป็น ขบวนการ
วันที่ 28 ส.ค.63 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เทเวศร์ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า สำหรับรายงานที่จะเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้จัดทำ 2 ส่วน คือ สรุปรายงานครบรอบ 10 วัน รอบที่ 3 และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นรายงานฉบับรวม ซึ่งมีข้อเสนอรวมอยู่ด้วย และจะเป็นรายละเอียดว่าสอบใครบ้าง มีเอกสารในสำนวนประกอบอย่างไร
ทั้งหมดเป็นผลจากการตรวจสอบที่ทำงานมาตลอด 30 วัน มีทั้งส่วนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมถึงส่วนสำคัญ คือ จะชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นข้อผิดพลาด อะไรเป็นการทำงานที่ไม่ถูกต้อง อะไรเป็นข้อปรับปรุงแก้ไข ซึ่งส่วนหนึ่งตำรวจดำเนินการไปแล้ว คือ การแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147 และจะเสนอเพิ่มเติมในส่วนที่ นพ.แท้จริง ศิริพาณิชย์ เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ที่ได้มาให้ถ้อยคำยืนยันว่าถึงเมาขนาดนั้นก็ยังขับได้ ซึ่งจะเป็นประเด็นที่จะส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อนำข้อหานี้เข้าไปอยู่พยานหลักฐานใหม่หรือไม่ เพราะตรงนี้เราบังคับไม่ได้ แต่คณะกรรมการมีมติสนับสนุนความเห็นมูลนิธิเมาไม่ขับ และ นพ.แท้จริง ส่วนตำรวจจะไปสอบพยานผู้เชี่ยวชาญต่อไปหรือไม่ก็เป็นเรื่องของตำรวจ
ซึ่งนพ.แท้จริง ให้ความเห็นดีมาก หากยังยอมให้ตำรวจทำสำนวนเมาหลังขับมาแบบนี้ ก็จะถูกนำไปเป็นตัวอย่าง โดยบอกว่าก่อนขับรถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ในรถ พอถูกจับก็บอกว่าเพิ่งดื่มมาเพราะเครียด ซึ่งตำรวจก็ต้องให้พ้นความผิดไปเพราะเคยให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา พ้นความผิดไปแล้ว ก็กลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ควรเอาอย่าง ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล
นายวิชากล่าวย้ำว่า รายงานที่จะส่งนายกฯวันที่ 31 ส.ค. จะเขียนถึงกระบวนการ ว่ากระบวนการไหนบกพร่องอย่างไร และ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไม่ระบุว่าจะต้องเอาผิดใคร เป็นเพียงข้อเสนอ และให้หน่วยงานไหนตรวจสอบต่อ ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญ จะเกี่ยวข้องทั้งตำรวจและอัยการทั้งกระบวนการ ดังนั้นจึงต้องนำเสนอข้อมูลให้นายกฯ และเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน ว่าสมควรแก่การปฏิรูปแล้ว และสมควรว่าองค์กรตำรวจและอัยการต้องให้เขาเห็นชอบโดยดุษฎียภาพ ไม่สามารถมาโต้แย้งได้ว่าจะมายุ่งเกี่ยวอะไรกับองค์กร ดังนั้นเราจึงต้องเสนอด้วยความชัดเจน
“มีรายละเอียดทุกจุด เมื่ออ่านดูแล้ว ถึงกับต้องออกปากว่าขนาดนี้เลยเหรอ และจะฉายภาพรวมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าในกระบวนการที่ทำนั้น ทำคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นการทำในลักษณะที่จะใช้วิธีการทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ในรายงานไม่ชี้ชัดว่าไปถึงไหน แต่เอาเป็นว่ามีผู้เข้าร่วมในกระบวนการนี้ทุกภาคส่วนเป็นมหากาพย์ เหมือนดูละคร จะมีรายละเอียดแต่ต้นจนจบ ส่วนจะเปิดเผยหรือไม่แล้วแต่นายกฯ ผมไม่เปิดเผยเอง” นายวิชา กล่าว