ย้อนรอยลังกาสุกะ ยุคฮินดู-พุทธ รุ่งเรืองที่ปัตตานีก่อนสุโขทัย

โต๊ะกูเป็ง​ นำทัวร์โบราณคดี ​”เปิดตำนานลังกาสุกะสู่ปาตานี” ย้อนรอยประวัติศาสตร์สู่เมืองเก่า “ลังกาสุคะ”ในยุค ยินดู-พุทธศาสนา รุ่งเรืองนับพันปี ก่อนกำเนิดอาณาจักรสุโขทัย

วันที่ 22​ สค​ 63​ เซลามัต โฮม​ร่วมกับ​ “ตึงกูอารีฟีน บินตึงกูจิ” พล.ต.ต.จำรูญ​ เด่นอุดม​ ผู้เชี่ยวชาญ​ด้านประวัติศาสตร์​ปัตตานี และปราชญ์ท้องถิ่นชายแดนใต้ ได้จัดกิจกรรมทัวร์วัฒนธรรม​ หวังสร้าง​ต่อ​ยอดนักประวัติศาสตร์​รุ่นใหม่​ ติดตามร่องรอยทางโบราณคดี​จุดกำเนิดเมืองลังกาสุกะ อาณาจักรปลายแหลมมลายูเริ่มต้นเมื่อกว่า​พันปี​ ก่อนกำเนิดอาณาจักรสุโขทัย​ หลายร้อยปี

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ลังกาสุกะ​ เป็นแคว้นหนึ่งของอาณาจักร​ศรีวิชัย ซึ่งจากข้อมูลของสำนักโบราณคดี​ พิสูจน์​ว่ามีลักษณะเป็นเมือง เรียงกันถึง 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองที่กำลังขุดอยู่ที่บ้านวัดบ้านจาเละ และบ้านปราแว (พระราชวัง) อำเภอยะรัง

บ้านปราแวอยู่ริมทะเล มีลักษณะ ค่ายคูประตูหอรบตามมุมเมืองคาดว่า น่าจะเป็นประชาคม 3 แห่ง ที่อยู่ร่วมกันมากกว่าเมืองโดยรวมแล้วพื้นที่ดังกล่าวนี้ พบร่องรอยทางโบราณคดีถึงกว่า
40 แห่ง แต่ได้ขุดเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น โดยหลักฐานชิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังขุดอยู่ เป็นศาสนสถานใน ศาสนาพราหมณ์และพุทธศาสนา และพบ
คำจารึกภาษาปัลลวะอินเดียโบราณและภาษาสันสกฤตด้วย

‘บ่งบอกอย่างเด่นชัด แรกเริ่มนั้นชาวลังกาสุกะนับถือพราหมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนมาถือพุทธ​ และต่อมา​ เปลี่ยนมานับถืออิสลาม ในยุคของปัตตานี​ดารุสาลาม​’พล.ต.ต.จำรูญ ระบุ

จากปัตตานี คณะทัวร์โบราณสถาน ได้เดินทางต่อไปที่จังหวัดยะลา​ ที่”ถ้ำศิลป์” จากการสำรวจพบภายในถ้ำมืด ปรากฎภาพเขียนสีอยู่ตามผนังถ้ำและได้พบอิฐปูนเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้น บางส่วนดูออกว่า เป็นเส้นเกศาของพระพุทธรูป ขนาดใหญ่ ประมาณว่าเท่ากับพระพุทธไสยาสน์ที่ถ้ำพระนอน
ภาพเขียนสีเหล่านี้เป็นฝีมือสกุลช่างท้องถิ่นลังกาสุกะ ที่ได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบของภาพโดยตรงจากอินเดีย เมื่อพิจารณาลักษณะของรูปภาพแล้ว สัณนิษฐานว่า เป็นภาพเขียนสมัยศรีวิชัยตอนปลายคือราวพุทธศตวรรษที่ 19 – 20  และยังเจอที่วัดถ้ำคูหาภิมุข เป็นที่ประดิษฐานงพระนอนศรีวิชัย คือพระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานยู่ภายในถ้ำด้านบน ยาวประมาณ 25 เมตร สร้างในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย เป็นแหล่งโบราณและ เป็นที่อยู่ที่อาศัย
ของคนในสมัย ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียง ยังมีร่องรอยของภาพเขียนฝาผนัง ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์
ทั้งหมดนี้ กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางกรมศิลปากร มีแผนในการบูรณะให้สถานที่
เหล่านี้คงความงดงามอยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป