“บิ๊กตู่” เดือดจัด โต้ข้อหา เป็น “เผด็จการ” ชี้เหตุผลที่ต้องเข้ามา เพราะทนเห็นชาติบ้านเมืองแตกแยกไม่ได้ เตือนทุกฝ่าย ระวังความเป็นไทยจะหายไปไหน ถ้ายังเอาชนะคะคานทางการเมือง ทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินที่ร้อนระอุลุกเป็นไฟ
26 ส.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีถูกวิจารณ์เป็นเผด็จการว่า ใครว่าอะไรก็ต้องอดทนทุกเรื่อง และอดทนมามากแล้ว เพื่อใคร ก็เพื่อประเทศชาติและประชาชน ถ้าตนไม่ทำ แล้วจะทำกันเมื่อไหร่ ใครจะทำ รอวันหน้า ใช่ จะเปลี่ยนรัฐบาลหรือเลือกตั้งใหม่อะไรก็ตาม แต่ถามว่ากว่าจะถึงเวลานั้น วันนี้มันจะตายกันหมดหรือเปล่า ใช่หรือไม่ มันจะไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ ดังนั้นจึงต้องทำวันนี้ให้ดี เพื่อวันข้างหน้าไม่ดีหรือ ต้องเริ่มอย่างนี้ ค่อยๆ ไปแล้วมันก็ไปของมันเอง ประเทศไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแยะ ข้อสำคัญคือความรักสามัคคีของคนในชาติ ถ้ามัวแต่จะเอานั่นเอานี่ ตีกันไปมาจนล้มไปทั้งระบบ มันได้หรือไม่
“ที่ผ่านมาหลายคนมองว่าผมมาแบบนี้ มาแบบเผด็จการอะไรต่างๆ คุณก็ต้องมองย้อนกลับไปผมไม่อยากพูดทบทวน ให้ทุกคนถือเป็นบุญคุณ ไม่ใช่ ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ไม่ปลอดภัย ก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นลืมหมดแล้วหรือไง ลืมหรือยัง ลืมหมดแล้วหรอ ผมเข้ามาด้วยอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเข้ามา อย่าลืมสิ แล้ววันนี้ผมทำอะไรมา มีความก้าวหน้าบ้างไหม หลายอย่างก็ดีขึ้นโดยตลอด เป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ 4.0 แล้วใครเป็นคนทำ ผมเป็นคนทำมาทั้งนั้น นโยบาย ยุทธศาสตร์ก็เดินมาเป็นตามกรอบกติกา ถ้าไม่ทำวันนั้น วันนี้ก็ไม่เกิด ยังไม่ได้ทำหรอก เพราะมัวแต่สาละวนแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้ การเมืองบ้างอะไรบ้าง แต่ผมไม่มีการเมืองไง ผมต้องทำงานร่วมกับการเมืองเขา ก็ต้องไปด้วยกันให้ได้”
นายกฯ กล่าวอีกว่า “ประเทศไทยเราเป็นประชาธิปไตย ที่มีรูปแบบของเรา แล้วไม่ได้ไปผิดจากที่อื่น ทำไมเราต้องทำเหมือนคนอื่นเขาหมด แล้วความเป็นไทยของเราหายไปไหน ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมืองผมว่าประเทศชาติมันล่มสลาย ถ้ามันเกิดอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ รอดูแล้วกันแล้วทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินที่ร้อนระอุลุกเป็นไฟ ก็ว่ากันไปก็แล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว” นายกฯ กล่าว