“จักรภพ” โพสต์หนุน 10 ข้อเสนอม็อบ ลั่น ถ้ามีแค่ 3 ข้อเสนอ ที่ไม่แตะสถาบันฯ ก็ไม่ช่วยให้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ยอมรับ รากเหง้าคนไทย ผู้พันกับสถาบัน แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อให้หลุดพ้น”หลุมดำ”เรียกร้องคน กลุ่ม “ขวาจัด” หยุดขัดขวางแบบไร้สาระ
วันที่ 17 ส.ค. 63 นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ลี้ภัยทางการเมือง อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ ยุครัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และ เครือข่ายกลุ่ม “ล้มเจ้า”คนสำคัญ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการชุมนุม ว่า … ไม่เคยปรากฎมาก่อนในเมืองไทย เมื่อคืนนี้ (16 ส.ค. 63) คนนับแสนได้มาชุมนุมกันรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพมหานคร พี่น้องชาวไทยได้ประกาศเป็นครั้งแรกว่าเราต้องการการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงในโครงสร้างทางการเมืองของชาติ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องที่เคยหวงห้ามและพูดไม่ได้กันมาตลอด นั่นคือเรื่องของสถาบันกษัตริย์ด้วย คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ได้ฝ่าพื้นที่หวงห้ามของสังคมไทยและประตูที่ลั่นดาลปิดล็อคไว้อย่างแน่นหนา หนทางข้างหน้าถึงยังอยู่อีกไกลและขรุขระนัก คนไทยเหล่านี้ก็คงจะไม่หลงเชื่อกลลวงอันหอมหวานที่ฝ่ายเขานำมาใช้ล่อ ผมรู้สึกภูมิใจกับพี่น้องและลูกหลานเหล่านี้มาก
เขามาเรียกร้องในสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้:
1. ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ และเพิ่มบทบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ได้ เช่นเดียวกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับคณะราษฎร
2. ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงเปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้ และนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทุกคน
3. ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่เป็นของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน
4. ปรับลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
5. ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ หน่วยงานที่มีหน้าที่ชัดเจน เช่น หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น และหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น คณะองคมนตรีนั้น ให้ยกเลิกเสีย
6. ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด
7. ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
8. ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงามทั้งหมด
9. สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความข้องเกี่ยวใด ๆ กับสถาบันกษัตริย์
10. ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
คนไทยไม่น้อยคงยังช็อกและตกตะลึงกับข้อเสนอที่มีลักษณะก้าวหน้าขนาดนี้อยู่ ผู้สูงวัยส่วนหนึ่งกำลังวุ่นวายหาข้อเสนอในห้วงแรก 3 ข้อ ซึ่งจะไม่ช่วยส่งผลให้เปลี่ยนแปลงอะไรใด ๆ เลย มาใช้แทน 10 ข้อนี้ คนเหล่านี้ยังพยายามทวนกระแสประวัติศาสตร์ต่อไปไม่หยุด ผู้นับถือพุทธเหล่านี้ควรจะยอมรับหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเรื่องของหลักพระไตรลักษณ์และหลักไตรสิกขาเสียบ้าง
ในฐานะที่ได้ทุ่มเทศึกษามาตลอดชีวิตในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ผมรู้ดีว่าวัฒนธรรมหลวง กับ วัฒนธรรมไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งเพียงใด ผมสามารถจะให้เหตุผลในทางวัฒนธรรมเพื่อปกป้องสถาบันได้ตลอดเวลา แต่ยอมรับว่าไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายบทบาทของสถาบันในทางการเมืองที่ผ่านมาได้ ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อนี้ควรจะได้รับการยอมรับและนำมาพิจารณาอย่างสงบและด้วยเหตุผลอันดีงาม เมืองไทยของเราจะได้หลุดออกจากหลุมดำทางปัญญาและทำให้บ้านเมืองมีอนาคตอันแท้จริงสำหรับเราทุก ๆ คนขึ้นอีกครั้ง
คนบางคนควรหยุดการขัดขวางแบบไร้สาระนี้เสียที ยอมรับเมืองไทยที่กำลังปรับตัวใหม่อย่างเต็มอกเต็มใจเสียเถิด คนแก่ทั้งหลายสมควรเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่กันได้สักทีแล้ว
ด้วยความรักต่อมวลชน
จักรภพ เพ็ญแข
17 สิงหาคม พ.ศ. 2563