เวทีเสวนา “ฟุตบอลกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง” ห่วงคนรุ่นใหม่กลายเป็นผู้ต้องหา “ไอติม” เสนอ ทางออกแก้รธน. ต้อง ยกเลิก “วุฒิสภา” เหตุ จงใจปกป้อง กลุ่มอำนาจเก่า เอื้อพวกพ้อง ถือ เป็นองค์กร “อันตราย” มีผลประโยชน์ทับซ้อน
วันที่ 15 ส.ค. ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 ถนนราชดำเนินกลาง กลุ่มใต้เตียงมธ.,สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS),กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ ,กลุ่ม KUไม่ลืม และใต้เตียงมก. จัดเสวนาวิชาการ “ฟุตบอลกับการเคลื่อนไหวทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม”
นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เห็นรายชื่อคนที่ถูกออกหมายจับส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็ก และเป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อยกว่า 30 ปี กลับต้องมากลายเป็นผู้ต้องหา เพียงแค่คนเหล่านี้ต้องการทวงคืนอนาคตของประเทศ อนาคตของตัวเขาเอง ไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องอะไรน่ารังเกียจ ซึ่งขอตั้งตำถามถ้าเด็กเหล่านี้เกิดในประเทศอังกฤษ นอร์เวย์ สวีเดน หรือ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอื่นๆ ความฝันของคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร และในปี 2020 เป็นยุคสมัยต้องการเปลี่ยนแปลง ถ้าการเมืองดีชีวิตของเราจะได้อะไร ถ้าการเมืองแย่ชีวิตของเราจะต้องเจออะไรบ้าง ดังนั้นเราเฝ้ารอไม่ได้ ต้องเป็นยุคสมัยการเปลี่ยนแปลง และการทวงคืนอนาคตให้ลูกหลานของเรา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าว วันนี้คนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น รวมทั้งปรากฎการณ์ มีคนสาธารณะในประเทศไทย ทั้งในแวดวงคนบันเทิง หรือ เแวดวงอื่นๆ เริ่มออกมาพูดเรื่องการเมืองมากขึ้น สำหรับในวงการฟุตบอล กติกาต้องเป็นกลาง แต่สวนทางกับกติกาการเมืองไทย ซึ่งกติกาถูกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมาดูรัฐธรรมนูญปี 2560 ถามว่ามีความเป็นกลางหรือไม่ ที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเขียนขึ้นมาเพื่อตัวเอง แม้กระทั่งตัวเนื้อหา ก็ล็อคให้ฝ่ายหนึ่งทางการเมือง ดังนั้นถือว่ารัฐธรรมนูญไทยสอบตก ถ้าเทียบกับกติกาฟุตบอล
เหตุผลที่ตนตัดสินใจลาออกจากพรรคเดิม เพราะต้องการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงรู้สึกดีใจที่เมื่อผ่านมา 1 ปี ความสนใจเรื่องนี้สูงมาก คนหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่าเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น แต่เราต้องหาจุดที่เป็นฉันทามติร่วมกันให้ได้ จะได้เห็นข้อเสนอ น.ศ.บางกลุ่มไปไกลกว่าข้อเสนอ 1 ปีที่ผ่านมา
“ผมมองว่าจุดร่วมสำคัญที่จะแก้ไขรัฐธรรนูญได้คือการยกเลิกวุฒิสภา โดยปรับจากระบบสภาคู่เป็นสภาเดี่ยว เพราะถ้าเราจะหาองค์กรที่เป็นสัญลักษณ์ของความวิปริตทางการเมืองปัจจุบันรวมอยู่ที่วุฒิสภา เป็นองค์การที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะคณะกรรมการสรรหาคัดพี่น้องตัวเองเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการล็อคทุกอย่างให้ฝ่ายเดียวทางการเมือง สิ่งไม่ชอบธรรมของระบบการเมืองนี้หาได้ที่วุฒิสภา ทั้งที่หลักมีวุฒิสภา เพื่อเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร แต่วุฒิสภาชุดนี้ไม่ได้ทำหน้าที่นี้เลย” นายพริษฐ์ กล่าว และย้ำว่า
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง ถ้าไม่แตะวุฒิสภา เพราะอำนาจล้นฟ้า แต่ที่มาไม่ยึดโยงกับประชาชน ดังนั้นต้องมีการลดอำนาจวุฒิสภาลงมา สิ่งที่อยากเสนอคือ ไม่ต้องมีวุฒิสภาเลย และ ใช้เป็นระบบสภาเดี่ยว จึงขอเชิญชวนทุกคนหากอยากหาจุดร่วม และทางออกที่สามารถแก้วิกฤตการณ์การเมืองได้จริง ควรร่วมกันรณรงค์ขับเคลื่อนระบบสภาคู่เป็นระบบสภาเดี่ยว ส่วนอะไรที่มากกว่านั้นจำเป็นต้องพูดคุย และรับฟังแต่อาจยังหาฉันทามติในขั้นต้นยังไม่ได้ ทั้งนี้หลายคนอาจกังวลว่าไม่มีวุฒิสภาแล้วการตรวจสอบถ่วงดุลจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่อันตรายกว่าไม่มีวุฒิสภามาตรวจสอบอำนาจรัฐ คือการมีวุฒิสภาที่ให้ท้ายผู้มีอำนาจรัฐ