ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้ว่าเป็น…”ในหลวง”นึกว่า อส.หรือ ตำรวจ ทหาร มาเยี่ยมเยือน ราษฏร ยกหัวเข่านั่งตามสบาย รินเหล้าชนแก้วเลย พร้อมกับแกล้ม (ในหลวงนั่งเรียบร้อย ขัดสมาธิ) ในหลวงทรงเป็นกันเองเพื่อปวงประชา โดยไม่ถือโทษ ถือตน ท่านผู้ใหญ่มารู้ทีหลัง ล้มเป็นลมพับทั้งยืน
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร” เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมราษฏรชาวไทยภูเขา ที่บ้านห้วยผักไผ่ ต.ม่อนปิน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านชาวมูเซอ ชื่อ”แสนคำลือ” ก็ได้โชว์ความแข็งแรงของสุขภาพร่างกาย โดยการให้องค์พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงขี่หลัง และเดินขึ้นหมู่บ้านที่มีความลาดชัน ที่กล้าแบกพระองค์เพราะคิดว่าเป็นเพียงข้าราชการธรรมดา ตามผู้ใหญ่มาตรวจงาน และจะโชว์พลังว่ามียาดี เป็นเหล้าดองสูตรพิเศษ ที่ทำให้ผู้ใหญ่บ้านคนนี้มีเมียเด็กคราวลูก
”ม.จ.ภีศเดช รัชนี” (ประธานมูลนิธิโครงการหลวง)ซึ่งได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ เล่าว่า ต่อจากนั้น ผู้ใหญ่แสนคำลือ ได้เชิญท่านเสด็จไปที่บ้าน พอไปถึงบ้าน เขาก็เอาที่นอนมาปูให้ท่านประทับ แล้วเอาเหล้าใส่ ถ้วยตะไลเล็กๆ มาให้ท่านเสวย แต่แก้วมันสกปรก มีสีดำๆ ม.จ.ภีศเดช ก็ทูลท่านว่า “ทำเหมือนเสวยแล้วส่งมาพระราชทานผม ” แต่ท่านก็เสวยเองหมดเลย ท่านบอกว่า ” เหล้ามันแรง ฆ่าเชื้อโรคหมดแล้ว ” ผู้ใหญ่บ้านชาวมูเซอ ยังบอกพระองค์อีกว่า การที่เขาแข็งแรงเพราะกินเหล้าแบบนี้ โดยมีสูตรพิเศษใส่เขากวางอ่อน ใส่พริกไทย ๓ เม็ด กระดูกเสือใส่ไปด้วย ผู้ใหญ่แกมีภรรยาวัยสาวคราวลูก ซึ่งแกคงผสมสุราสูตรพิเศษดื่มนี่เอง จึงมีสุขภาพแข็งแรง อย่างที่ปรากฏในภาพ แต่ภายหลังพอทราบว่าท่านคือใคร ผู้ใหญ่บ้านก็แทบเป็นลมล้มพับกันเลยทีเดียว
และจากการที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมาในครั้งนี้ ได้ทรงตั้งโครงการหลวงส่วนพระองค์ เพื่อใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆ ทั้งไม้ผล ผัก และดอกไม้เมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืชเหล่านี้ มาเพาะ ปลูกเป็นอาชีพ แทนการปลูก”ฝิ่น” ซึ่งต่อมา ได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”