ประธานนปช. เตือนรัฐบาล รีบตัดสินใจแก้ รธน. ลั่นหากล่าช้า จะไม่มีอะไรหยุดการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชน ย้ำพุ่งเป้า มาตรา 256 อย่างเดียว แนะม็อบนศ.ยึด 3 ข้อเรียกร้องเท่านั้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ล่าวผ่านรายการ PEACETALK เมื่อ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายการเมืองรีบตัดสินใจแก้รัฐธรรมนูญก่อนจะสายเกินไป เพราะถ้าตัดสินใจไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้ว อาจต้องเดินไปเผชิญกับทุกเหตุการณ์ที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ถ้าตัดสินใจจะแก้ ก็ต้องแก้ทันที เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรจะหยุดการขับเคลื่อนของประชาชนได้ นอกจากการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น
“ถ้าฝ่ายการเมืองคิดแต่เกมให้ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันแล้ว อาจไม่ทันกาล เพราะสถานการณ์ได้ไปไกลแล้ว อีกทั้ง การไปสภาฯ ของ 2 กลุ่ม คือ ไปจัดกิจกรรมเรียกร้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และอีกกลุ่มไปแสดงออกเพื่อปกป้องสถาบันฯ ซึ่งเป็นการแสดงสิทธิหน้าที่โดยไม่เผชิญหน้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องดีในสถานการณ์จำเฉพาะเท่านั้น” นายจตุพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อบรรยากาศแบบนี้ จะแสดงออกเมื่อสถานการณ์ไม่รุนแรง แต่ถ้าอีกสถานการณ์หนึ่งอาจเป็นคนละอย่างกัน และต้องยอมรับความจริงกันว่า การชุมนุมแฟลชม็อบของนักศึกษาได้ลุกลามไปทั่วแผ่นดิน และเป็นปรากฏของคนหนุ่มสาวที่มาชุมนุมกันมากที่สุดในรอบกว่า 15 ปีที่ผ่านมา
“ผมยืนยันว่า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อยังมีพลัง เพราะไม่ว่าฝ่ายได้ก็ตาม ต่างเห็นพ้องกันว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งแก้ในมาตรา 256 ซึ่งไม่มีใครขัดข้อง แม้ ส.ว.แตกออกเป็นสองส่วน บางส่วนยังให้แก้ ส.ว.ลงมติเลือกนายกฯ และอีกส่วนต้องการให้ยึดตามออกประชามติไว้” ประธาน นปช. ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อนายกฯ ตัดสินใจไม่ขัดข้องในการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น ส่วนตัวอยากถามนักการเมืองว่า วันนี้ต้องการอะไร การที่จะให้ประเทศผ่านพ้นโดยไม่นองเลือด คือ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องเด็ดเดี่ยวว่า แก้มาตรา 256 เพื่อเอาอำนาจการแก้ไขมาอยู่ในอำนาจของประชาชน ด้วยการเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ถ้าเริ่มด้วยการเสนอมาตราอื่นเข้ามาด้วย เช่น การตัดอำนาจเบ็ดเสร็จของ ส.ว.หรือการยกเลิก ส.ว.ไม่สามารถทำได้เลย ถ้าไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ เนื่องจากต้องใช้จำนวนเสียง ส.ว. หนึ่งในสามของวุฒิสภาทั้งหมด ซึ่ง ส.ว.จึงยากที่จะโหวตเพื่อยุบตัวเอง
“ถ้านักการเมืองมั่นใจประชาชนแล้วต้องช่วยกันเปิดประตูให้ได้ก่อน ถ้าจะเข้าทางหน้าต่างไปด้วยแล้ว จะไม่ประสบความสำเร็จ แล้วจบลงที่การรัฐประหารอีก วันนี้การระบาดทางอารมณ์ บวกกับความหิวโหยแล้ว เขาจะไปร่วมกับการแก้รัฐธรรมนูญ และผูกปมอยู่ที่การยุบสภาฯ การคุกคามไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก ผมพยายามเสนอประคับประคองกันมา ถ้าจะตัดสินใจต้องลงมือ” นายจตุพร ระบุ
ส่วนการขับเคลื่อนของนักศึกษานั้น ส่วนตัวขอย้ำว่า ต้องเป็นประเด็นสาธารณะด้านประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งจะเป็นภูมิต้านทานอย่างแข็งแรงมาก ถ้าเกินเลยกว่านี้จะเป็นปัญหาโดยฉับพลัน และความเชื่อสองฝ่ายจะเกิดกระทบกัน แล้วไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะพังก่อน
“เวลาไม่คอยท่า เพราะสถานการณ์ไปไกล ถ้าเวลานี้คิดแต่ละฝ่ายต้องการักษาระบบรัฐสภาไว้ ซึ่งได้ประโยชน์ทุกฝ่าย จึงหวังว่า ฝ่ายค้าน รัฐบาลและวุฒิสภาให้คุยกันให้จบ และฟังข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่ไม่ได้ขัดใจทุกฝ่ายเลย ดังนั้น การตัดสินใจช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจะทำให้เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอกับการเมืองไทย จึงอย่าปล่อยกระแสให้เลยเถิดไป เพราะหลายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น มาจากการปล่อยเวลา” นายจตุพร กล่าวและว่า ต้องขอบคุณนักศึกษาที่ทำให้แต่ละฝ่ายได้สำเหนียก กับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง จึงหวังว่ารัฐบาลและฝ่ายการเมืองจะได้รีบตัดสินใจก่อนที่จะสายเกินแก้กัน