เปิดสูตรใหม่ ใบกระท่อมผสมบ๊วย วัยรุ่นนิยม-เทพไทยื่นแก้กม.แยกเฉพาะใบกระท่อม

‘เทพไท เสนพงศ์’ นำคณะดูงาน’บ้านน้ำพุ’ ตำบลต้นแบบใช้พืชใบกระท่อม พบไร้ปัญหานำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ สูตรใหม่ผสมบ๊วย-ไซรับ ได้รับความนิยมมาก อนาคตใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ เหตุมีคุณสมบัติลดน้ำหนัก-แก้เบาหวานได้

วันที่ 7 สิงหาคม ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำพุ (รพ.สต.นำพุ) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาหาแนวทางการใช้พืชกระท่อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายเทพไท เสนพงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและรับฟังความคิดเห็นเรื่องการใช้ใบกระท่อม ที่บ้านนำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีตัวแทนชาวบ้าน นำโดยนายสงคราม บัวทอง กำนันตำบลนำพุ ตัวแทนสาธารณจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวแทนปปส.เขต 8 สุราษฎร์ธานี ร่วมให้ข้อมูล

กำนันตำบลนำพุ กล่าวว่า ตำบลน้ำพุได้จัดทำธรรมนูญตำบลในเรื่องการใช้ใบกระท่อม ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดมาตรา 52 เมื่อปี 2559 โดยมีการประชุมชาวบ้านและตกลงร่วมกัน กำหนดให้แต่ละบ้านปลูกใบกระท่อมได้ไม่เกิน 3 ต้น พกพาได้ไม่เกิน 30 ใบ และห้ามนำใบกระท่อมไปผสมกับยาแก้ไอ เป็น4×100 และห้ามนำไปจำหน่าย สามารถใช้ได้เฉพาะในครัวเรือน ซึ่งตลอดระเวลาของการดำเนินการได้รับความร่วมมือกับชาวบ้าน เป็นอย่างดี ไม่มีใครทำผิดธรรมนูญ

ด้านนายศุภรัตน์ กล่อมวิเศษ ปราชญ์ชาวบ้าน ให้ข้อมูลว่า ต้นกระท่อมทุกต้นมีการขึ้นทะเบียน มีคิวอาร์โค๊ดติดไว้ทุกต้น ตรวจสอบได้ทางGPSและกำลังดำเนินการทำแอพพลิเคชั่น สามารถตรวจสอบได้่ว่า ต้นกระท่อมอยู่ตรงจุดไหน

‘กระท่อมมีฤทธิ์ ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง ฤทธิ์ของใบกระท่อมจะกระจายน้ำตาลไปเส้นเลือดทำให้ร่างกายตื่นตัวภายในเวลา 4-5 นาที เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีมาตั้งแต่อดีต อย่างผมตื่นเที่ยงคืน จะกินกาแฟกับใบกระท่อม 3 ใบ ชั่วโมงกิน 3 ใบ เสร็จประมาณ 10 โมงเช้า ใช้ประมาณ 30 ใบ’ นานศุภรัตน์ กล่าว

เขา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่ง ได้เข้ามาศึกษาในด้านผลกระทบของใช้ใบกระท่อม ในทางร่างกายไม่พบว่า มีผลกระทบในทางลบ ตรงกันข้ามใบกระท่อมช่วยในการรักษาโรค อาทิ เบาหวาน เป็นต้น ในทางสมองมีการวัดคลื่นสมอง ไม่พบว่า มีผลกระทบแต่อย่างใด

‘แต่เดิมชาวบ้านใช้แล้ว ขยันทำงาน แต่ก็ถูกมองว่า เป็นพืชเสพติด แต่เมื่อมีผลวิจัยทางวิชาการ ก็มีความมั่นใจว่า พืชใบกระท่อมมีประโยชน์ตามที่ชาวบ้านเชื่อมาตั้งแต่อดีต’ ปราชญ์ ชาวบ้าน กล่าว และว่า ในส่วยของวัยรุ่นในหมู่บ้านมีคนติดยา 42 คน มีการพูดกัน และนำใบกระท่อมมาเป็นสูตรในการเลิกยา ปรากฎว่า ได้ผลดี เมื่อคนที่ติดยากินเข้าไป ความกระวนกระวายในความต้องการยาได้หายไป ไม่มีใครละเมิดกฎในการนำไปผสมยาแก้ไอเป็น4×100 ซึ่งเป็นอันตราย แต่ก็มีการต้มเป็นนำผสมไซรับ รวมทั้ง ผสมบ๊วย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม เพราะบ๊วยทำให้ชุ่มคอ สามารถยืนยันได้ว่า บ้านน้ำพุเป็นโมเดลของการใช้ใบกระท่อมที่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

นายเทพไท เสนพงศ์ กล่าวว่า ความจริงไม่อยากมาบ้านน้ำพุ เพราะเกรงว่า จะเป็นภาระเพราะเป็นสถานที่ๆคนมาศึกษาดูงานตลอดเวลา แต่คณะอนุกรรมาธิการฯ ก็เห็นว่า หากไม่มาก็จะไม่ครบกระบวนการในการศึกษา ซึ่งการมายังสถานที่จริงก็ได้ประโยชน์ จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายปลดล็อกระท่อมออกจากพืชยาเสพติด แต่จะต้องมีแนวทางการป้องกันดูแลเหมือนกันบ้านน้ำพุ ซึ่งบ้านน้ำพุประสบความสำเร็จเพราะมีผู้นำที่เข้มแข็งอย่างกำนันสงคราม หากเป็นพื้นที่ๆผู้นำไม่เข้มแข็งก็อาจจะมีปัญหา

‘ที่บ้านน้ำพุ มีการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆที่เป็นประโยชน์ และพบว่า ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงทำงานได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนัก และลดเบาหวาน ในอนาคตอาจเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ตอนนี้ ได้มีการเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ แต่เขียนมา 2-3 บรรทัด ผมอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ก็เลยให้คณะร่างเพื่อประกบร่างของรัฐบาล และตามที่ปราชญ์ชาวบ้านเสนอ ก็คือ จะแยกพืชกระท่อมมาต่างหาก เหมือนพรบ.ข้าวหรืออ้อย จะทำให้การใช้กฎหมายมีความชัดเจน’ นายเทพไท กล่าว