“ลดาวัลลิ์” นำคณะยื่น กกต.จัดตั้งพรรค “เสมอภาค” หวังพลิกการเมืองให้ขาวสะอาด สกัดคอร์รัปชั่น ชูนโยบาย ผลักดัน “สมุนไพรไทย-ขุดคลองไทย” กระตุ้นเศรษฐกิจ แนะ รัฐบาลใช้หลักธรรม ปกครองบ้านเมือง ปลูกฝังความรัก แก้ปัญหา การชุมนุมกลุ่มนักศึกษา
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานพร้อม เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วย ดร.นิติธร สีเขียว ได้เดินทางไปยื่นจัดตั้งพรรคเสมอภาค ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนหลายกลุ่มมาให้กำลังใจ อาทิ ชมรมเสียงสตรีแห่งประเทศไทย นักธุรกิจสตรี ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา ตัวแทนนักธุรกิจรุ่นใหม่ (Startup) กลุ่ม SME นายธนธรณ์ ทองหอม อดีตผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพลตรีถิรเดช ทรัพย์เขื่อนขันธ์ ประธานโครงการสุขภาพผู้สูงวัย สภาครูแพทย์แผนไทย เราคาดหวังว่า จะรพลิกโฉมหน้าการเมืองไทยไปสู่การเมืองมิติใหม่ ที่ประชาชนธรรมดารวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชน บริหารจัดการโดยประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หลังจากนี้ จะเตรียมการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ภายใน 180 วัน โดยจะต้องมีสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง 500 คนและต้องบริจาคสนับสนุนให้พรรคคนละ 1,000-50,000 บาทตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้ จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจอยากมีส่วนร่วมสร้างการเมืองแนวใหม่ ช่วยกันบริจาคช่วยพรรค ร่วมคิดนโยบายดีๆ และมีส่วนร่วมสร้างนักการเมืองที่เป็นคนเก่งและเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริตไปทำหน้าที่ในรัฐสภา
นางลดาวัลย์ กล่าวถึงนโยบายฟื้นเศรษฐกิจของประเทศจากเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาถึงระบบเศรษฐกิจโดยรวม ส่งเสริมศักยภาพของนักธุรกิจนักลงทุน ผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก จะส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี เรามีนโยบายจะจัดตั้งกระทรวงสมุนไพรไทย และ การแพทย์แผนไทย จะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ สมุนไพรจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยารักษาโรค และเวชสำอางรายใหญ่ของโลก กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และจะเป็นศูนย์กลางบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมหรือ Wellness Center ของชาวโลก ด้วยประสิทธิภาพของการแพทย์แผนไทยคู่ขนานไปกับการแพทย์แผนตะวันตก
นอกจากนี้พรรคเสมอภาค จะสนับสนุนการพัฒนาคลองไทยให้เป็นศูนย์กลางพาณิชย์นาวีแห่งใหม่ ซึ่งหลายองค์กรได้ศึกษาความเป็นไปได้พอสมควรแล้วสามารถดำเนินโครงการได้ทันที เมื่อกำหนดเป็นนโยบายรัฐบาลซึ่งจะเกิดธุรกิจการลงทุน การค้าขาย ธุรกิจบริการเชื่อมโยงต่อเนื่องอย่างกว้างขวาง จะช่วยแก้ไขปัญหาการตกงานว่างงานได้อย่างเป็นรูปธรรม จะสามารถยกระดับรายได้ของประเทศให้มั่งคั่ง ยั่งยืน
หัวหน้าพรรคเสมภาค ยังกล่าวถึง กรณีคดีอื้อฉาว ทายาท กระทิงแดง และ การชุมนุมทางการเมืองของ กลุ่มนักศึกษา ว่า ทั้งสองกรณีก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวแสดงออกทางสังคมในวงกว้าง ตนรู้สึกเป็นห่วงจะเกิดความรุนแรง มีการใช้กำลังและอาวุธสลายการชุมนุม จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการลงทุน ความเชื่อมั่นของประเทศ เหมือนเหตุการณ์รุนแรงหลายๆครั้งในอดีตที่ผ่านมา
“ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในสองกรณีดังกล่าวนี้ ควรดับอารมณ์ แล้วเปิดอารมณ์ใหม่ภายใต้กรอบธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอมตะไม่เคยเปลี่ยนแปร เป็นเนื้อแท้ธรรมชาติของมนุษย์ ประกอบด้วย ความรัก ความเอ็นดู เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มากกว่าการทำลายล้าง เข่นฆ่า ส่วนกฎหมายนั้น เปลี่ยนแปรไปตามอำนาจของผู้มีอำนาจแต่ละยุคสมัย หรือ กฎหมาย คือชัยชนะของเสียงข้างมากซึ่งอาจไม่ยุติธรรมเสมอไปเพราะฉะนั้นในทุกภาคส่วน ทุกวงการ ทุกสายงาน ในประเทศไทยต้องยึดหลักธรรมเป็นสำคัญ ส่วนกฎหมายก็ต้องสร้างให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุดให้ได้” นางลดาวัลลิ์กล่าว