ปธ.ตรวจสอบ คดี “บอส อยู่วิทยา” ระบุ ต้องทำความจริงให้ สังคมกระจ่าง ชี้ พบพิรุธ มีการ “ดองคดี” รวมถึงมี พยาน โผล่กลางคัน ยืนยัน สามารถ “รื้อคดี” ทำให้ถูกต้องได้ เล็ง จ่อสอบ ตร. ถอนหมายจับ ทั้งที่คดียังไม่ข้อยุติ
วันที่ 30 ก.ค.63 นายวิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งตน เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง คดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า คณะกรรมการชุดนี้ นายกฯ ตั้งขึ้นเนื่องจากกระแสสังคมที่ประชาชนรู้สึกรับไม่ได้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ไว้วางใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบกันเอง
จึงจำเป็นต้องมีคนกลางเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งคดีนี้ มีต้นน้ำ ที่ตำรวจ กลางน้ำ คือ อัยการ และควรจบที่ปลายน้ำ คือ ศาล คำถามสำคัญ คือ ทำไมคดีนี้ถึงจบ ที่กลางน้ำ ทำไมไม่ไปถึงศาลต้องหาข้อสรุปให้ได้ โดยกรรมการจะตรวจสอบว่า การทำงานของฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามครรลองของกฎหมายหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ถือ เป็นการกระทำที่มิชอบ จากนั้นก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุด ซึ่งอาจจะเป็นการสั่งให้ดำเนินการไปในทางที่ให้เกิดการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไป หรือ จะส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาหรือตัดสินใจอย่างไร แต่กรรมการชุดนี้มีหน้าที่หาความจริงเท่านั้น ไม่มีอำนาจไปชี้หรือไปสั่งหน่วยงานอื่นได้ ต้องให้นายกฯดำเนินการ
นายวิชา ยังแสดงความเห็นในฐานะที่เคยเป็นอัยการ ว่า ข้อสงสัยสำคัญในคดีนี้ คือทำไมถึงใช้ระยะเวลานาน ทั้งที่ในระบบกฎหมายถือว่า “ความล่าช้าในการยุติธรรม คือความอยุติธรรม” และการที่พยานหลักฐานที่เพิ่งพบในภายหลัง กรณีแบบนี้เกิดได้น้อยมาก จึงต้องดูว่าพยานที่เกิดขึ้นเข้ามาได้อย่างไรสมเหตุสมผลหรือไม่ และไปหักล้างพยานหลักฐานเดิมได้อย่างไร ต้องดูในรายละเอียด
สำหรับช่องทาง “การรื้อคดี ” เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องนั้น นายวิชา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ หากพบมีการกระทำที่มิชอบ หรื อผิดกฎกติกา เช่น เรื่องอำนาจในการสั่งไม่ฟ้อง ว่า นาย ก. ไม่มีอำนาจ แต่กลับไปสั่ง แทนที่จะเป็น นาย ข. แบบนี้ก็สามารถกลับมาทำใหม่ให้มันถูกต้องได้ กลับไปเริ่มกระบวนใหม่ตั้งแต่จุดที่ผิดพลาด เช่นเดียวกันหากคนสั่งคดีนี้มีอำนาจ แต่กระบวนการบกพร่องก็ต้องกลับมาทำให้ถูกต้อง ซึ่งต้องดู ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
นายวิชา ยังย้ำด้วยว่า การตรวจสอบของคณะกรรมาธิการชุดนี้จะเดินหน้าอย่างโปร่งใสและเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบความคืบหน้าตลอด เพื่อให้ประชาชนสบายใจว่าไม่ใช่กระบวน “เกี้ยเซียะ” หรือ “ฮั้วคดี” และมองว่าการพิจารณาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ เพราะหากไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือทันที และความต้องการของนายกรัฐมนตรี คือ การดับไฟ และเป็นที่รู้กันว่า ความไม่น่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม เป็นจุดหนึ่งของกระบวนการทางการเมืองได้เสมอ เป็นแบบนี้ในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นจึงต้องทำให้เย็นลง เราต้องเป็นกลาง พร้อมยืนยันว่า จะดูการตรวจสอบทั้งหมดรวมถึง คณะกรรมาธิการของ สนช. ที่หลายคนมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีด้วย
นายวิชา ยังกล่าวถึงการขอถอนหมาย นายวรยุทธ อยู่วิทยา ว่าเรื่องนี้ กรรมการจะมีการตรวจสอบ ด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ ยิ่งถ้ามีหมายจับออกไปถึงตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ด้วยและคดียังไม่ได้ข้อยุติในชั้นนี้อยู่ๆจะมาถอนหมายจับ “จบแบบลูกผีลูกคนก็คงไม่ได้” อีกทั้งการมีหมายจับไปถึงอินเตอร์โพล ไม่ได้ขอกันง่ายๆ ต้องมีหลักฐานเพียงพอและ อยู่ๆจะมาถอนหมายจับง่ายๆ ต้องดูว่าอ้างเหตุผลอะไร