คำถาม ที่ พปชร. ต่างรับรู้ คำตอบ ด้วยความเจ็บปวด

มีการตั้งคำถาม ผุดขึ้นมาอย่างเงียบๆ กลางใจ สมาชิก พลังประชารัฐ ที่กำลังเขม้นมอง จับตาการปรับ ครม.อย่างใกล้ชิด และ ลุ้นระทึก เป็นอย่างยิ่ง

เป็นคำถาม ที่ทุกคนอยากรู้คำตอบ เป็นอย่างยิ่ง หลังการ กระแสควันปืนสงบ และ สงครามช่วงชิง อำนาจยุติลง โดยมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่3ป. ขยับกาย มานั่งเก้าอี้ หน.พลังประชารัฐ ยึดอำนาจ เบ็ดเสร็จ โดยไม่ต้องเสียกระสุน แม้แต่นัดเดียว

หลายคน เขม้นมอง ด้วยความไม่ไว้วางใจ จนป่านนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องการ ยังไม่ได้รับคำตอบ

ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในเรื่อง “การปรับครม.” ไม่ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อ จัดแถวภายในคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ล้วนสะท้อน ทั้งความสัมพันธ์และความขัดแย้ง

เพราะหากไม่มีการจัดแถวภายในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐก็จะไม่มีการปรับครม. เพราะหากไม่มีการจัดแถวภายในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน ก็จะยังอยู่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็จะยังอยู่

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร  ก็จะไม่ได้เป็น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาและวิจัย ก็จะไม่ว่างลง การจัดคนเข้าไปแทนที่จึงจะไม่เกิดขึ้น

และไม่ปรากฏชื่อของ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ชื่อของ นายปรีดา ดาวฉาย ชื่อของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวน์ มาแย่งนั่ง เก้าอี้ ในครม.

ณ ที่ใดที่มีความขัดแย้ง ณ ที่ใดที่มีการต่อสู้ ย่อมปรากฏผู้ชนะ ย่อมปรากฏผู้แพ้ นี่เป็นธรรมชาติอันเป็นธรรมดาและปกติยิ่ง โดยเฉพาะ ในพื้นที่ทางการเมือง

การต่อสู้ภายในพรรคพลังประชารัฐเด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นการต่อสู้เพื่อกดดันให้ “กลุ่ม 4 กุมาร” พ้นไปจากอำนาจ
เมื่อพ้นไปจากพรรคพลังประชารัฐก็พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี

เด่นชัดตั้งแต่ นายอุตตม สาวนายน พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เด่นชัดตั้งแต่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ยื่นใบลาออกจากสมาชิกภาพแห่งพรรคพลังประชารัฐ

เด่นชัดตั้งแต่ “กลุ่ม 4 กุมาร” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและกลายเป็นคนนอกพรรคพลังประชารัฐ นอกรัฐบาลในที่สุด
คำถามก็คือ ภายในความพ่ายแพ้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนของ “กลุ่ม 4 กุมาร” แล้วชัยชนะเป็นของใคร

คล้ายกับว่าชัยชนะจะเป็นของกลุ่มผู้กุมอำนาจ “ใหม่” ในพรรคพลังประชารัฐ แต่คำถามก็คือ กลุ่มเหล่านี้สามารถกำหนดทิศทางพรรค พลังประชารัฐได้ในทางเป็นจริงมากน้อยเพียงใด

เห็นกันง่ายๆก็คือ แม้กระทั่งผู้ทรงอิทธิพลระดับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เช่นเดียวกับ อนุชา นาคาศัย ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้เข้า ครม.หรือไม่?

คำถามก็คือแล้วใครคือ “ผู้ชนะ” อย่างแท้จริงในการเปลี่ยนแปลงและในการปรับครม.ครั้งนี้

เป็นคำถาม ที่ สส.พลังประชารัฐ รับรู้ คำตอบด้วยความเจ็บปวด อย่างยิ่ง! 

 ลม สลาตัน