“เสรี สุวรรณภานนท์” สว.สรรหา ระบุรับได้ถ้ารื้อที่มา ส.ว. แต่ต้อง มีเหตุมีผล ชี้ ถ้าสังคมเห็นพ้องก็แก้ ไม่ยาก ยอมรับม็อบเด็กมีโอกาสจุดติด ขณะ “อนุดิษฐ์” ชี้ถึงเวลาต้องแก้ รธน. “ภราดร” เชื่อพลัง นศ.ขยายวงเข้มข้น
กระแสกดดันทางการเมืองจากการแสดงพลังของกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ยื่นข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เริ่มมีเสียงตอบรับจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในส่วนของ ส.ว.ที่เริ่มเสียงอ่อนลง โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ระบุว่าการแก้ปมที่มาของ ส.ว. สามารถทำได้ถ้ามีเหตุมีผล
วันที่ 27 ก.ค. 63 นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะประเด็นที่มา ส.ว.ว่า ต้องดูข้อเสนอว่าจะให้แก้ในเรื่องไหน เพราะจะมี 2 แบบ คือ 1.ขอแก้โดยร่างใหม่ทั้งฉบับ หรือแก้ไขเฉพาะเรื่อง 2.วิธีแก้ไข จะแก้ไขโดยให้รัฐสภาเป็นคนแก้ในเนื้อหา หรือจะให้ตั้ง ส.ส.ร.มาแก้ ถ้าแก้ในระบบรัฐสภาใช้หลักการที่อยู่ในหมวดการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แก้ได้เลย ถ้าแก้โดยให้มี ส.ส.ร.ก็ต้องให้มี ส.ส.ร.มาก่อน ประเด็นที่จะแก้ควรมาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และจะแก้ทั้งฉบับ หรือแก้เฉพาะเรื่อง เช่น เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง อยู่ที่ว่าจะเอาแบบไหน ถามว่า ช่วงเวลานี้สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้ามองว่ามีม็อบออกมาเรียกร้องคงไม่พอ ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอให้แก้ไขที่มา ส.ว.นั้น ตนไม่ขัดข้อง แต่ต้องมาพูดกันด้วยเหตุผล ถ้าเรียกร้องอยู่ในเงื่อนไขก็พอรับได้ เดินไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าเสนอสุดโต่งก็จะเริ่มขัดแย้งกัน
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของม็อบและข้อเรียกร้องต่างๆ ถือว่าจุดติดหรือไม่ นายเสรีตอบว่า จุดติดหรือไม่ยังไม่รู้ แต่โอกาสทำให้คนมารวมตัวมากขึ้นก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีโอกาสไปได้ ไม่เป็นไรทุกอย่าง อยู่ที่เหตุผล ไม่เรียกร้องวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเรียกร้อง เพราะบ้านเมืองเป็นอย่างนี้มาตลอด ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญหากเห็นพ้องร่วมกันทุกฝ่ายก็แก้ได้ แต่ถ้าไม่เห็นพ้องกันก็แก้ยาก
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงท่าทีของนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ที่ออกมายอมรับต้องทบทวนการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ขนาด ส.ว.ที่รัฐบาลเลือกมาเอง ยังมีความเข้าใจว่ากติกาของประเทศที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคืออุปสรรค ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เข้าใจตรงกันว่าต้องปรับปรุงแก้ไขให้เป็นกติกาที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายเห็นสอดคล้องต้องกันเช่นนี้ รัฐบาลคงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปคิดสังเคราะห์และนำมาสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศโดยเร็ว เพราะวันนี้เห็นกันอยู่ว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา ถึงเวลาแล้วที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าการเคลื่อนไหวของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน จะสร้างความรับรู้จนขยายวงเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ปัจจุบันมีการชุมนุมไปแล้วกว่า 40 จังหวัด โดยผู้เข้าร่วมจะไม่ถูกจำกัดเฉพาะกลุ่มนักศึกษาเท่านั้น ขณะที่เนื้อหาสาระในการชุมนุมจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆเปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย มักเป็นพวกที่หูตึงตาบอด จึงเชื่อว่าถูกยุยงให้ออกมา ความพยายามที่จะผ่อนสถานการณ์ของผู้มีอำนาจขณะนี้ มองว่าสายเกินไปแล้ว ประชาชนไม่เชื่อถือศรัทธาอีกแล้ว หากฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ยอมถอย ยืนกรานยอมหักไม่ยอมงอ สุดท้ายคงหลีกเลี่ยงความรุนแรงยาก แต่เชื่อว่าพลังของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน จะกลายเป็นฉันทามติร่วมนำไปสู่การแก้ไขและดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 เรื่อง สุดท้ายข้อเสนอจะตกผลึกและกลายเป็นความชอบธรรม ของคนส่วนใหญ่