ไทยพบโควิดอีก 10 ราย เป็นทหาร 6 กลับจากฮาวาย จ.ระยอง ไม่พบเชื้อ

ไทยติดโควิดเพิ่ม 10 ราย พบ 6 ราย เป็นทหารไทยกลับจากฮาวาย เผยกักตัวเสี่ยงสูง 12 ราย จ.ระยอง ไม่พบเชื้อ ไทยเจอผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย พบ 6 รายเป็นทหารไทย กลับจากการฝึกจากฮาวาย พบมีอาการตั้งแต่ถึงด่านคัดกรอง ส่วนที่จ.ระยอง กักตัว กลุ่มเสียง12 ราย ครบ 14 วัน ไม่พบติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยงต่ำ 7 พันกว่าราย ไม่มีใครพบเชื้อ บลูมเบิร์กจัดไทยอันดับ 4 ของโลกจัดการโควิดได้ดีที่สุด

วันที่ 24 ก.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงกรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 จ.ระยอง มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 12 ราย ซึ่งกักตัวครบ 14 วัน ผลการตรวจไม่พบเชื้อ อาการแข็งแรงดี ส่วน 7 พันกว่าคนที่สัมผัสต่อจากนั้นมีความเสีย่งน้อย ก็ไม่พบเชื้อทุกราย ระยองถือว่ากลับมาเป็นปกติ ตอนนี้ยังไม่วิกฤตหรือระบาด เพียงแค่พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย ผ่านเข้ามาแล้วออกไป แต่เป็นวิกฤตในเชิงการข่าว จึงต้องหารือถึงวิธีการสื่อสารไม่ให้เกิดวิกฤตในเชิงงานการข่าว ตรงนี้ขอน้อมรับทุกคำแนะนำ และจะวางแผนการสื่อสารกับประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ส่วนกรณีซูดานก็ปกติทั้งหมดเช่นกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย หายป่วยเพิ่ม 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ผู้ป่วยสะสมรวม 3,279 ราย หายป่วยรวม 3,107 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และยังรักษาตัวใน รพ. 114 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่มาจาก 1. ซูดาน 1 ราย เป็นนักศึกษาหญิงไทย อายุ 23 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เข้าสเตทควอรันทีน จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 21 ก.ค. ตรวจพบเชื้อ 2. ปากีสถาน 1 ราย เป็นนักเรียนหญิงไทยอายุ 18 ปี ถึงไทยวันที่ 12 ก.ค. เข้าสเตทควอรันทีน กทม. ตรวจหาเชื้อวันที่ 21 ก.ค. ผลพบเชื้อ 3. เยอรมนี 1 ราย เป็นนักเรียนชายอายุ 18 ปี ถึงไทยวันที่ 16 ก.ค. เข้าสเตทควอรันทีน จ.ชลบุรี ตรวจเจือเชื้อวันที่ 22 ก.ค.

4. เนเธอร์แลนด์ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 37 ปี อาชีพค้าขาย ถึงไทยวันที่ 18 ก.ค. เข้าพักสเตทคอวรันทีน จ.ชลบุรี ตรวจเจอเชื้อวันที่ 22 ก.ค.และ 5. สหรัฐอเมริกา 6 ราย ทั้งหมดเป็นทหารชายไทยที่กลับมาจากการฝึกที่ฮาวาย อายุ 20-32 ปี โดยมีอาการเมื่อเดินทางมาถึงวันที่ 22 ก.ค. ผ่านการคัดกรองพบมีไข้ ไอ น้ำมูก ถ่ายเหลว ผื่นตามตัว ตรวจวันที่ 22 ก.ค.พบเชื้อ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยสะสม 15.6 ล้านคน ป่วยเพิ่ม 2.78 แสนราย เสียชีวิตรวม 6.36 แสนราย เสียชีวิตเพิ่ม 6.2 พันราย โดยสหรัฐอเมริกาอันดับ 1 คือ 4.16 ล้านราย บราซิล 2.28 ล้านราย อินเดีย 1.28 ล้านราย โดยหากรวมสหรัฐฯ บราซิล และอินเดีย รวมกันมีผู้ป่วยเกือบครึ่งโลกแล้ว ส่วนประเทศไทยลงมาที่อันดับ 104 ของโลก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คำถามจะมีการเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจ จะมีมาตรการอะไรเทียบเท่าสเตทควอรันทีน เพื่อไม่ให้เอาเชื้อเข้ามาติด ตัวเลขจะให้เป็น 0 ไม่ได้ แต่เจอมีพื้นที่ดูแลอย่างไร ไม่ให้ติดกับคนไทย มีแน่นอน แต่มีการจัดการอย่างไร นี่คือมาตรการ เหมือนประเทศอื่นๆ ที่ไม่คาดหวังตัวเลขเป็น 0 โควิด-19 ก็เหมือนหวัดใหญ่ ตัวเลขไม่เป็น 0 แต่ควบคุมอย่างไรไม่ให้ระบาด ทั้งนี้ ผอ.ศบค.ระบุว่า การสื่อสารกับภาคประชาชนต้องให้ความคาดหวังตรงกับสิ่งที่เป็นจริง หน้าที่ตนต้องเน้นย้ำว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างนี้ การคาดหวังเป็น 0 ในประเทศ กับความเป็นจริง จึงต้องสื่อสารให้ตรง จะไม่เป็น 0 อีกแล้ว แต่ตัวเลขเท่าไรที่เราจะรับได้ ต้องพยายามช่วยกันให้มากที่สุด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกเลือกประเทศไทยและนิวซีแลนด์ เป็น 2 ประเทศ ที่จะเข้ามาถ่ายทำสารคดีการจัดการโควิด ซึ่งจะเผยแพร่ทั่วโลก ต้องขอบคุณ เรามีอะไรดีๆ มากมาย และมีการชื่นชมประเทศไทยโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก จัดอันดับให้ไทยจัดการโควิดได้ดีที่สุด อันดับ 4 ของโลก ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา โดยอันดับ 1-3 คือ ไต้หวัน บอตสวานา และ เกาหลีใต้ ส่วนเรื่องน่าสนใจ คือ ญี่ปุ่น ตั้งกฎเกี่ยวกับสถานบันเทิงและบาร์ เพื่อควบคุม โดยไม่มีการจูบ จูบเฉพาะแฟนตัวเอง หลีกเลี่ยงการจูบแบบลึกซึ้ง และตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งไทยยังไม่เกิดอะไรขึ้น ขอบคุณที่ทำได้ดี