ประเด็นการปรับครม. เพื่อไปสู่รัฐบาล “ประยุทธ์ 2/2” งานนี้ “บิ๊กตู่ ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มีแค่แรงกดดันจากพรรคการเมือง เปิดศึกแย่งชามข้าว หากยังมีแรงกดดันจากสังคมโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
เห็นได้ชัดจาก “ซูเปอร์โพล” เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง”เสียงคนรุ่นใหม่ต่อการปรับครม.” เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรี “กลุ่มสี่กุมาร” ไม่มีประวัติด่างพร้อย เป็นคนดี พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 86.9 ไม่เชื่อมั่น ในขณะที่ ร้อยละ13.1 เชื่อมั่น และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรี กลุ่มสี่กุมาร เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองไม่กอบโกยผลประโยชน์ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 87.7 ไม่เชื่อมั่น
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรี กลุ่มสี่กุมาร จะได้รับการปกป้องจาก สุภาพชน คนให้เกียรติกัน ไม่ถูกทรยศ หักหลัง ไม่เสร็จนาฆ่าโคถึก พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 85.1 ไม่เชื่อมั่น
นอกจากนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือ มุมมองของคนรุ่นใหม่ต่ออนาคตของประเทศชาติ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.0 ระบุ มีความเหลื่อมล้ำ คนจน จนมากขึ้น รองลงมาคือ ร้อยละ 78.5 ระบุ เด็กและเยาวชนไม่มีพื้นที่ที่แสดงออกในเวลาที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ใหญ่ ร้อยละ 75.5 ระบุ ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนน้อย เอาความอยู่รอดของตัวเองและพรรคพวกเป็นใหญ่ ร้อยละ 74.9 ระบุ ผู้ใหญ่หลงตัวเองคิดว่า ตัวเองดี ตัวเองเก่ง มากกว่าเด็ก และ ร้อยละ 74.5 ระบุ ใช้อำนาจควบคุมมากกว่า ใช้อำนาจให้เกิดความไว้วางใจ
นี่คือโพล ซึ่งยังไม่นับกลุ่มคนเรียกว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอกเพื่อต่อต้านเผด็จการ และ สหภาพนิสิตนักศึกษาและนักเรียนแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่เคลื่อนไหวออกมาไล่รัฐบาล เรียกร้องยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่รู้จะพัฒนาไปทางไหน
เรียกว่า “ลุงตู่”กับ “คนรุ่นใหม่” ยิ่งนับวันยิ่งไกลห่างออกไปทุกที
ส่วนศึกในพปชร. ความคืบหน้าว่า วันที่ 21ก.ค.นี้ โผรายชื่อรัฐมนตรี จะส่งให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพิจารณา เพื่อนำส่ง”ลุงตู่”ทำคลอด “ประยุทธ์2/2 ”
ฟังว่า ตำแหน่งที่ว่างลงจากการลาออกของกลุ่มสี่กุมาร ดูเหมือนลุงตู่ จะวางตัวคนของตัวเองเป็นโควตากลางลงตัวไปก่อนนี้แล้ว อย่างเช่น “ปรีดี ดาวฉาย” ประธานสมาคมธนาคารไทย จากค่ายกสิกรไทย ที่ตอบรับเรียบร้อยจะมานั่ง กระทรวงการคลัง และ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” อดีต รมช.คมนาคม และ ซีอีโอปตท. จะว่าการกระทรวงพลังงาน คงเหลือตำแหน่งรัฐมนตรีอุดมศึกษาฯ ที่ ต่อรองกันขอสลับโควต้ากับพรรคลุงกำนัน เพื่อให้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ได้เป็นรัฐมนตรีแรงงาน
ดูๆไปเหมือนสองลุง “ลุงตู่-ลุงป้อม” จะไม่ต้องกุมขมับ ขยับอะไรกันมากกว่านี้ แต่ได้ชื่อว่า นักการเมืองเขี้ยวลากดิน ไม่ถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ ย่อมต่อรองให้ถึงที่สุด เรื่องมันก็เลยจะยุ่งขึ้นมาอีกรอบ
แว่วว่า “กลุ่มสองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม กำลังท้าทายสองลุงผู้ยิ่งใหญ่อย่างหนัก นอกจากปล่อยลิ่วล้อ มาขู่ฟ่อ ย้ำคำเดิมว่า เก้าอี้พลังงานต้องโควตา พปชร. เท่านั้น และเป็นใครไม่ได้นอกจาก “สุริยะ” เพราะมี “สัญญาใจ” กับลุงป้อมไว้แล้ว
ว่ากันว่า สัญญาใจระหว่างสองมิตร กับลุงป้อม เกิดขึ้นช่วงก่อนลุงป้อมจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยสองมิตรหักกับหนึ่งมิตร ก่อการล้างพรรคเพื่อลุงนั่นเอง
เมื่อทุกอย่างสมประสงค์ ลุงตู่-ลุงป้อม ก็วัดใจกันว่าจะตอบแทนกันอย่างไร
ฟังว่า กลุ่มนี้ก็เสนอทางออกให้ลุงเสร็จสรรพ ขจัด” ไพรินทร์” ออกจากเส้นทางว่าที่ รมว.พลังงาน ขยับขึ้นไปเป็นรองนายกฯ เพราะตอนนี้ไหนๆ ก็หาคนมาแทนที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ไม่มีใครตอบรับสักที สุดท้ายตามแผนเปิดทางให้ลูกพี่ได้ดั่งใจ ตามที่ผู้ใหญ่ให้สัญญาใจ แถมพ่วง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย คนในก๊วน ยังจะได้ครอบครองเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม ที่สุริยะ อัปเกรดไปที่พลังงาน อีกต่างหาก
ที่น่าสนใจ ไม่ว่าหวยจะออกที่ “ไพรินทร์” หรือ “สุริยะ” งานนี้บอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า ชาวบ้านชาวช่องได้ “หนีเสือปะจระเข้” กันแน่
ว่ากันว่า “ไพรินทร์” อดีตซีอีโอ ปตท. รอบนี้หมายมั่นปั้นมือจะคุมพลังงานอยู่แล้ว ที่ผ่านมานั้นคนใน ปตท.รู้กันดี ในองค์กรแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จากอดีตผู้ใหญ่สองฝ่าย พยายามสร้างฐานอำนาจของตัวเองครอบงำองค์กรไว้ วางทายาทของตัวเองขึ้นมาคุมบังเหียน สืบทอดต่อๆ กันมา ไพรินทร์ เมื่อพ้นจากปตท.ไปแล้ว ก็พยายามจะหาทางกลับเข้ามาในอำนาจ โดยมีช่วงหนึ่งที่มีกระแสจะกลับเข้ามาเป็นประธานบอร์ด แต่ถูก “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว. ที่เพิ่งลาออกไปคัดค้านไว้
ขณะที่ความซึ่งเคยเป็นผู้บริหารปตท. กิจการผูกขาดด้านพลังงานก็น่าเป็นห่วง เรื่องการบริหารจัดการพลังงาน ของประเทศที่จะเอื้อทุนใหญ่มากกว่าการดูแลให้เกิดประโยชน์กับภาคประชาชน แตกต่างจาก 1 ปีที่ผ่านมาซึ่ง กระทรวงนี้กลายเป็นหัวใจหลักในการลดค่าครองชีพด้านพลังงานให้ประชาชน ทั้งก๊าช น้ำมัน รวมไปถึงค่าไฟฟ้า และการวางรากฐาน โรงไฟฟ้าชุมชน โซลาร์รูฟท็อป ที่ประชาชน วิสาหกิจชุมชน จะสัมผัสกับการมีส่วนร่วมพัฒนาพลังงาน
ส่วน”สุริยะ” หากได้เป็น รมว.พลังงาน ก็เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าว่า Energy for all หรือ พลังงานเพื่อทุกคน คงต้องเก็บเข้าลิ้นชัก อาจจะได้ “พลังงานเพื่อพวกพ้อง” มาแทน แต่ก็ใช่ว่า นายทุนที่รู้จักสุริยะ จะดีใจเพราะ รู้กันว่า สุริยะ จัดว่าเป็นพวก “มือหนัก” กิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือระบือไกลมานาน
ส่วนตำแหน่งรองนายกฯ คนที่จะมาแทน สมคิด ที่ไม่มาตามนัด ก็ว่ากันว่า “ลุงตู่” ส่งเทียบเชิญ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อดีตเลขา กลต. ผู้บริหารแบงก์กสิกร พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่หลายรอบ แต่จนแล้วจนรอด “ประสาร” ก็ตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ด้วยเหตุผลของครอบครัว
แว่วว่า เบื้องหลังเหตุผลที่แท้จริงของ”ประสาร” ไม่มานั้น วิเคราะห์กันว่า เพราะไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิด และตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมือง โดยเฉพาะบทเรียนของ “สมคิดและทีมสี่กุมาร” ที่ก็เหมือนที่ซูเปอร์โพล สะท้อนให้เห็นภาพ คนที่ทำงานกับลุงๆ จะไม่ได้รับการปกป้องจากลุงๆ ทำงานโดยให้เกียรติกัน ไม่ถูกทรยศ หักหลัง ไม่เสร็จนาฆ่าโคถึก เห็นๆ กันอยู่แล้ว
เหตุผลนี้ คนที่คิดเป็นย่อมไม่มีใครเขาอยากมาร่วมสังฆกรรม แน่ ประสาร ก็คิดเช่นเดียวกัน!!
แว่วอีกว่า กรณีของ”ปรีดี ดาวฉาย” ก็ไม่ต่างจากประสาร จากที่มีกระแสข่าวว่า ปรีดี ปฎิเสธไม่ขอรับตำแหน่งรมว.คลังก่อนนี้ แต่สุดท้ายก็เกรงใจผู้ใหญ่ ที่แบงก์ซึ่งถูกผู้ใหญ่ของรัฐบาลตามตื้อ ตามขอแบบปฎิเสธก็ลำบากใจเลยต้อง”จำใจมา”
“ครม.ลุงตู่ 2/2” แค่เริ่มต้นก็เห็น เค้าลาง อาจจะไม่ สะดวกโยธิน อย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง !