ภาคเอกชน จี้ รบ.เร่งกระตุ้น ศก.ฐานราก ให้กำลังใจทีมงานใหม่

ส.อ.ท.หวังทีมศก.ชุดใหม่มีเอกภาพ ขับเคลื่อนทิศทางเดียวกัน เร่งอัดฉีดสภาพคล่องเอสเอ็มอีกระตุ้นกำลังซื้อ ชี้ ขณะนี้ทั่วโลกมีปัญหา เศรษฐกิจตกต่ำเหมือนกันหมด แนะ รัฐบาล ควรเร่งปรับปรุงเศรษฐกิจฐานราก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การลาออกของทีมเศรษฐกิจนำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 4 คน การปรับ ครม.ครั้งนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับกี่ตำแหน่ง แต่ต้องการเห็นการปรับ ครม.เศรษฐกิจแล้วสามารถทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากที่สุด อยากให้ทุกๆจุดที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน และมีการบูรณาการไปด้วยกันอันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ไม่อยากให้ปรับออกแล้วมีปัญหาซึ่งกันและกัน ทำให้ไม่สามารถผลักดันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้ลุล่วงไปได้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาผลักดันเป็นลำดับแรก คือ ดูแลปัญหาการขาดสภาพคล่อง ของผู้ประกอบการ ที่สำคัญทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ โดยภาครัฐเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถทำได้ เพราะมีงบประมาณอยู่พอสมควรสามารถที่จะผลักดันโครงการต่างๆให้ออกมาได้ และมาตรการต่างๆที่ช่วยให้ผู้ที่มีกำลังซื้อมากออกมาใช้จ่ายเพื่อมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหนุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจเป็นไปได้ด้วยดี

โดยขณะนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจมีปัญหาไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่มีปัญหาทั่วโลก เพราะฉะนั้นความเชื่อมั่นต่ำลงทั้งโลก สิ่งสำคัญคือ ต้องหาทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หรือ โลคัลอีโคโนมี่ให้เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ทำอย่างไรที่จะเน้นสินค้าและผลิตภัณฑ์ของไทยมีความเข้มแข็งมากที่สุด เพราะการอยู่อย่างพอเพียง การใช้ของไทย การผลักดันให้คนไทยใช้สินค้าไทย และช่วยผลักดันให้คนไทยที่มีเงินช่วยคนไทยด้วย บิ๊กบราเธอร์ บริษัทใหญ่ๆต้องลงมาช่วยขยายหนี้ลูกหนี้เอสเอ็มอี สถาบันการเงินต้องช่วยผ่อนปรนหลักเกณฑ์ยืดหยุ่นมากขึ้นให้เอสเอ็มอีอยู่ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจไปได้ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้อาจใช้เวลาอีกหลายๆปี มีความยากลำบาก แต่เมื่อสถานการณ์โควิดจบลง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะค่อยๆฟื้น แต่ต้องใช้เวลา ดังนั้นการมีสภาพคล่องของผู้ประกอบการถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องอัดฉีด สถาบันการเงินต้องช่วยเรื่องสภาพคล่องต่อไปในอีก 1-2 ปีจากนี้ไป

เมื่อถามว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นการซ้ำเติมช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของช่วงโควิดหรือไม่ นายสุพันธุ์ กล่าวว่า จะว่าเป็นการซ้ำเติมก็กะไรอยู่ แต่จริงๆแล้วเศรษฐกิจไม่ดี ทุกวิกฤติมีโอกาส หากปรับ ครม.แล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสามารถผลักดันทุกคนร่วมใจกัน ช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจร่วมมือกันอย่างจริงจังเหมือนดูแลโควิดจนตัวเลขผู้ป่วยในประเทศเป็นศูนย์รายได้ ทำไมจะทำให้เศรษฐกิจประเทศโตไม่ได้ ดังนั้นจึงฝากไว้ให้ ครม.ผลักดันไปในทิศทางเดียวกันเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่าระดับความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้รับการซัพพอร์ตจากภาครัฐ เมื่อภาคเอกชนเสนอโครงการต่างๆเข้าไปก็ได้รับการพิจารณา จึงอยากฝากว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งนี้ควรจะมีโครงการหรือมีลักษณะคณะกรรมการ โดยมีภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยกับภาครัฐ เช่นเดียวกับการแก้ไขสถานการณ์โควิด ซึ่งทั้ง ส.อ.ท.และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยินดีเข้ามาช่วยอยู่แล้ว

ส่วนกรณีบุคคลที่ตกเป็นข่าวว่าจะเข้ามาเป็นทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ นายสุพันธุ์ กล่าวว่า คนที่เข้ามาต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชน ช่วยแก้ไขปัญหาก็เป็นเรื่องดี แต่สิ่งสำคัญคือ จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความร่วมมือ เพราะที่สำคัญคือ ใครเก่งก็แล้ว แต่หากไม่ได้รับความร่วมมือก็อยู่ไม่ได้ โดยความร่วมมือทั้งจากภาคการเมืองและภาคราชการ

โดยนโยบายต่างๆที่ทีมเศรษฐกิจชุดนายสมคิดได้ทำไว้ ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาควรได้รับการสานต่อนโยบายเหล่านั้นเช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ส่วนนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจยังไม่ตกผลึกแน่นอนอย่างวงเงินกู้ 400,000 ล้านบาท จะขึ้นอยู่กับทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะต้องพิจารณาว่าจะขับเคลื่อนให้เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการและประชาชนให้ได้มากที่สุด