วงเสวนา”ก้าวไกล”ถล่ม ปปช.ยับ”วีระ”แฉ ชงสอบ”บิ๊กป้อม”ทุจริต เงียบกริบ

วงเสวนา “ก้าวไกล” อัด ป.ป.ช. ยับ ชี้ การเมือง ชอบ จุ้น องค์กรอิสระ  “วีระ” แฉ ยื่นสอบ ปมทุจริต”บิ๊กป้อม” ผ่านมา3ปี เรื่อง งียบกริบ ด้าน สส.หนุ่ม ก้าวไกล เสนอ open government เปิดข้อมูลให้ปชช.เข้าถึงได้ ทำให้คนโกงกลัว

วันที่ 4 ก.ค.63 ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ เพจ New Consensus Thailand จัดการเสวนาในหัวข้อ “องค์กรอิสระไทย อย่างไรต่อดี?” โดยมีวิทยากรร่วมพูดคุยประกอบด้วย นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและอดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอรัปชั่น, และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางแค พรรคก้าวไกล โดยมี ช่อ-นางสาวพรรณิกา วาณิช เป็นผู้ดำเนินรายการ

นางสาวสมลักษณ์ กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระเกิดขึ้นเริ่มต้นมาตั้งแต่หลังยุค 14 ตุลาฯ 2516 ถ้าเราย้อนไปดูก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่มีการรัฐประหารจะมีเหตุผลหนึ่งคือมีการทุจริตเกิดขึ้นมากจึงต้องเข้ามาจัดการ แต่ประวัติศาสตร์ก็บอกเราว่าทุกคณะรัฐประหารต่างก็มีปัญหาการทุจริตเช่นกัน เรามักจะพบเสมอว่าบรรดานายพลที่ก่อรัฐประหารมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลังลงจากอำนาจ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ได้มีการตั้งองค์กรขึ้นมาคือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ป.) ขึ้นมา

ต่อมา จึงมีการตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขึ้นมาโดยรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ปัญหาคือที่มาของกรรมการสรรหา มีการเข้ามาเกี่ยวข้องของฝ่ายบริหารมากเกินไป มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางนี้เรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบัน ในที่นี้ต้องยอมรับว่าการเมืองมีส่วนสำคัญมาก แต่ส่วนตนที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช.มาก่อน เห็นว่าแม้นักการเมืองซึ่งมีอิทธิพลเข้ามายุ่งกับกรรมการ ป.ป.ช. แต่ถ้าตัวกรรมการไม่ยุ่งด้วย ไม่เปิดทางให้ การเมืองก็เข้ามายุ่งไม่ได้ ดังนั้น ตัวกรรมการก็มีความสำคัญ ถ้าใจแข็งเขาก็ยุ่งกับเราไม่ได้

นายวีระ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมไทยยังไม่ค่อยเห็นผลงาน ป.ป.ช.ที่เป็นโบว์แดง บางคนอาจจะบอกว่าคดีที่ ป.ป.ช.ตัดสินชี้มูล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นความสำเร็จ แต่ในความเห็นของตนยังไม่จัดว่าเป็นโบว์แดง เพราะในความรู้สึกของประชาชน เขามองเป็นเรื่องการเมือง เป็นการตัดสินลงโทษเพราะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ และที่ชัดเจนที่สุดคือกรณีล่าสุด นาฬิกา 22 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คนเขามองเป็นการเมืองหมด

“ผลงานที่ออกมาประชาชนไม่ยอมรับเลย โดยเฉพาะคดีหลังๆ มา ทุกเรื่องที่คนใน คสช.ถูกกล่าวหา ป.ป.ช.ปัดตกหมด ไม่เคยรับไว้ไต่สวนเลย ผมเป็นคนที่ยื่นมากที่สุดคนหนึ่ง ป.ป.ช.ตีตกหมดไม่ว่าเรื่องนาฬิกา เรื่องจงใจแจ้งบัญชีทรัพยสินหนี้สินเป็นเท็จ เรื่องความร่ำรวยผิดปกติของ พล.อ.ประวิตร ที่ผ่านมา 3 ปีแล้วยังอยู่ในชั้นตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นอยู่เลย” นายวีระกล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการตรวจสอบก็คือการทำให้โปร่งใส โจทย์คือจะทำอย่างไรให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบนักการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องมาคิดกันว่าจะปรับปรุงอย่างไร ทำให้ตรวจสอบนักการเมืองได้มากขึ้น สิ่งที่เราเรียกร้องคือ open government หรือ open data คือการเปิดข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนสามารถเข้าถึงดูได้ ทุกวันนี้รัฐอ้างว่ามีการเปิดเผยอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงมันเปิดเผยในรูปแบบของข้อมูลที่เครื่องไม่สามารถอ่านออกได้ การเปิดเผยข้อมูลไม่ใช่แค่การเปิดสัญญาจ้างเป็นไฟล์ .pdf แล้วจบ

การเปิดเผยข้อมูลต้องอยู่ใน format เดียวกันที่ทุกคนอ่านได้ ข้อมูลที่ประชาชนอยากรู้ ตั้งแต่ที่มาของโครงการ ขั้นตอนการประมูล การจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งหมดถ้าอยู่ใน format เดียวกันที่อ่านได้ การตรวขสอบจะง่ายขึ้นและวัดผลได้มากขึ้น ปัจจุบันเรามีโปรแกรมนี้อยู่แล้ว แต่ใช้ในหน่วยงานภาครัฐกันเองและไม่เปิดเผยให้ประชาชน สิ่งที่เราอยากเห็นคือการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเห็น ทุกคนเข้าไปช่วยกันตรวจสอบได้