“จตุพร” รับ “ไม่ตายก็ติดคุก” แต่ ข้องใจ! ทำไม นปช.โดน มากกว่า”พธม.กปปส.”

ประธาน นปช. ยอมรับชะตากรรม ‘ไม่ตายก็ติดคุก’ ชี้  เวลาที่เหลืออยู่ ต้องกลับไปจัดการชีวิตให้เรียบร้อย เพราะอย่างไร ก็หนีไม่พ้น ตัดพ้อ ทำไม คนติดคุก จึงมีแต่ กลุ่ม นปช. ต่างจาก พธม. เสื้อเหลือง กปปส.

26 มิ.ย.63 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวภายหลังเดินทางมาให้กำลังใจ 5 แกนนำ นปช.ที่ถูกตัดสินจำคุก คดีบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า ตนได้พูดเป็นสัจธรรมกับคณะว่า บนหนทางการต่อสู้ของพวกเรา ไม่ตายก็ติดคุก วันนี้ พี่น้องเราทุกคนที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาจำคุกได้น้อมรับคำตัดสิน ในขณะที่ตนและคนอื่นที่เหลือในสำนวนที่สอง ที่แตกต่างกันเรื่องวันเวลา

“ในตลอด 10 ปี เราเข้า ออกคุกสลับกันเสมอ หลายคนไม่เข้าใจว่าคนที่ผ่านเรื่องราวกันมา จะมีพื้นที่น้อยมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะบอกกับสังคม ทุกฝ่าย ทั้ง เสื้อแดง, เสื้อเหลือง, พธม. ,กปปส. อยู่บนวิถีทางที่ไม่แตกต่าง แต่ฝ่าย นปช.อาจจะติดคุกกันเป็นจำนวนมาก และหลายปีด้วยกัน”

ประธานนปช. กล่าวต่อไปว่าแต่ละฝ่ายก็ผ่านวิถีทางนี้มากันมากพอสมควร และสังขารผู้อาวุโสทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก และที่เหลือต่างทยอยขึ้นศาลสลับกันมาทุกฝ่ายในรอบ 10 ปี หลังจากฟังคำวินิจฉัยแล้ว คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ที่แตกต่างกันอย่างเดียวคือ ตนยังพอมีเวลาเหลืออยู่ ต้องไปจัดการชีวิต เรื่องส่วนตัว ส่วนรวม สุขภาพ อย่างไรก็หนีไม่พ้น ไม่มีทิศทางเป็นอย่างอื่น เราต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง

“พวกผมน้อมรับคำตัดสินของศาล อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ก่อนเดินทางมาศาล เรามีการพูดคุยกันมาตลอด เรามีสองพื้นที่เท่านั้น เพียงแต่ต่างเวลากัน คือ ไม่ตายก็ติดคุก นี่คือสัจธรรมของชีวิต ซึ่งเกิดกับคนเสื้อแดง และเสื้อเหลือง บางคนถูกยึดบ้าน พิทักษ์ทรัพย์ ต้องเรี่ยไรหมู่มิตรมาช่วยไถ่ถอน ความทุกข์กันคนละอย่าง ผมยังเห็นว่า ทุกฝ่ายที่ต่อสู้กันมา อยู่ในห้วงความทุกข์ทั้งสิ้น” ประธานนปช.กล่าว

ส่วนที่จะมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกครั้ง จุดยืนของ นปช. เป็นอย่างไรนั้น นายจตุพร กล่าวว่า จากการพูดคุยผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจไทย จะหนักสุดนับจากเดือนหน้าเป็นต้นไป ตนยังอยู่ในจุดที่ว่า ควรเอาชาติบ้านเมือง และเอาประชาชนไว้ มากกว่าที่จะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ ใครมาเป็นผู้บริหาร หรือ เป็นรัฐมนตรี ตนเดินเลยจุดนั้นมาแล้วกับคำว่า พรก. หรือไม่มี พรก. หรือ ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน เพราะความทุกข์ของประเทศที่รออยู่ข้างหน้าใหญ่กว่า เราเดินมาถึงจุดปลายของชีวิต เราย่อมมองเห็นว่า จะเอาประเทศและประชาชนรอดอย่างไร