พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกางอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีชาวโรฮิงญาถูกจับกุมในประเทศไทย และถูกกักขังอยู่ในสถานกักขังในหลายพื้นที่ อาทิ จ.พังงา จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.ระนอง เป็นต้น จากการตรวจสอบพบว่า ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก อยู่แต่ในสถานที่พักขัง กินนอน อยู่ในนั้น ไม่สามารถทำอะไรได้ ยิ่งกว่า อยู่ในเรือนจำที่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ จึงเห็นว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ค่อนข้างรุนแรง ทราบดีว่า ทางการไทยมีเจตนาดีที่จะดูแลชาวโรฮิงญาเหล่านี้ แต่สภาพความเป็นอยู่รับไม่ได้
“ได้ขอมติที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ในนามคณะกรรมการกลางอิสลามฯ ขอให้ดูแลพี่น้องชาวโรฮิงญาให้มีสภาพความเป็นอยู่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งคณะกรรมการกลางฯ ได้ก่อสร้างสถานที่บำบัดยาเสพติดให้กับเยาวชนมุสลิม ศรีบอยา จ.กระบี่ มีพื้นที่กว้างขวาง จึงอยากเสนอให้นำพี่น้องชาวโรฮิงญาไปกักขังอยู่ที่นั่น ให้ใช้พื้นที่เป็นเวลา 2 ปี จนกว่าบุคคลเหล่านี้จะได้เดินทางไปยังประเทศที่ปลอดภัย โดยให้เจ้าหน้าที่รัฐไปดูแล” เลขาธิการกอท. กล่าว และว่า ส่วนพี่น้องอุยกูร์ จากประเทศจีนที่ถูกกักขังอยู่ในหลายพื้นที่ คิดว่า รัฐบาลคงไม่ยินยอม เพราะชาวอุยกูร์เหล่านี้ มีปัญหากับรัฐบาลจีน และไทยเองก็ต้องพึ่งพาจีน
สำหรับชาวโรฮิงญาในประเทศไทย มีประมาณ 200 คน ถูกกักขังในสถานกักกันของรัฐบาลกระจายอยู่ในหลายจังหวัด