“ปิยบุตร ” รุดให้กำลังใจ “โตโต้” ชี้ กระบวนการ นำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือปิดกั้นการแสดงออกยังคงเข้มข้น อัดยับ! นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาล คงพรก.เพื่อคุมผู้เห็นต่าง
วันที่ 24 มิ.ย.63 ที่ สน.ชนะสงคราม นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เข้าให้กำลังใจ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” นักกิจกรรมและอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 1 จ.กาฬสินธุ์ จากกรณีที่นายปิยรัฐ ซึ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมรำลึกครบรอบ 88 ปี การอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 เมื่อย่ำรุ่งวันนี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบติดตามตัว จากการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งนายปิยรัฐ ได้เดินทางมาเข้ามอบตัวที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อเที่ยงวันนี้
โดย นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ ส่วนตนมีความคิดเห็นว่าที่ผ่านมาในช่วงที่ คสช.ครองอำนาจ มีการนำกฎหมายมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อจัดการฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเข้าสู่ยุคที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว คสช.หมดอำนาจไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีการใช้กลไกกฎหมายเป็นเครื่องมืออยู่ไม่น้อยไปกว่าเดิม มีการนำเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ อย่างกรณีของนายปิยรัฐ
“ผมยืนยันว่า นี่คือการแสดงออกตามสิทธิที่รัฐธรรนูญรองรับเอาไว้ เราเป็นพลเมืองคนไทย เรามีเสรีภาพในการแสดงออก เราไม่ใช่อาชญากร เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เราไม่ได้เป็นพิษภัยต่อความมั่นคง เราต่างก็เป็นพลเมืองคนไทยที่หวังให้ประเทศชาติไทยเดินหน้า หวังให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และขอให้ประชาชนอย่าเอามิติทางการเมืองมามอง เพราะต้องมีการใช้ พ.ร.ก.เพื่อการควบคุมโรค ซึ่งคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี จะพิสูจน์ได้ชัดที่สุด ก็คือการไม่นำความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินมาจับกุม คนที่แสดงออกในทางการเมือง เพราะจะเห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของประชาชนหลายกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนั้น และขอให้จับตาดูว่าจะมีการดำเนินคดีจากการจัดกิจกรรมในวันนี้ตามมาอีกกี่คน
“ถ้าโดนมากขึ้นๆ เท่าไหร่ การให้เหตุผลของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรค มันจะฟังไม่ขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ หวังใจอย่างยิ่งว่าในช่วงยามแบบนี้เราจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เปิดพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนได้แสดงออกบ้าง มันไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรไปล้มล้างรัฐบาลหรอก มันเป็นพื้นที่แสดงออกในฐานะพลเมืองในเท่านั้น” นายปิยบุตร กล่าว
ด้าน นายปิยรัฐ กล่าวว่า หมายจับในคดีที่ตนต้องเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ในวันนี้ เป็นหมายจับที่ออกโดย สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จากการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 เป็นข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ หมายจับออกตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2563 ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ใช้ชีวิตปกติทุกอย่าง โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีหมายจับอยู่ เดินทางข้ามจังหวัดไปทั่วภาคอีสาน จนมาทราบวันนี้ว่าตัวเองมีหมายจับ จึงเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเอาจริงๆ โทษของคดีนี้เป็นเพียงโทษปรับ ก็ไม่ทราบว่ามีความจำเป็นใดที่ถึงกับต้องออกหมายจับ
“เป็นที่ชัดเจนว่าเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อจำกัดการแสดงออกทางการเมืองของบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะการแสดงออกทางการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ชอบธรรม ประชาชนทุกคนต้องแสดงออกได้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญได้รับรองเอาไว้” นายปิยรัฐ กล่าวและว่า หลังจากนี้ตนก็จะต้องถูกส่งตัวโดยเจ้าหน้าที่ สน.ชนะสงคราม ไปยัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อส่งตัวดำเนินคดีอีก