“มงคลกิตติ์” ระบุ โควิด-19 ทำรายหาย 2-3 ล้านล้านบาท ต้องเร่งหาเงินทดแทนด่วน ชงขุดคลองไทย สร้างรายได้อย่างต่ำปีละ 1 ล้านล้านบาท พร้อมเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีกาสิโนถูกกฎหมาย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างรายได้ปีละ 2 ล้านล้านบาท
วันที่ 20 มิ.ย.63 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาดว่า จาก สถิติ ยอดขายรถยนต์ประจำปี 2562 ในประเทศไทยรวมทั้งปี มีจำนวน 1,007,552 คัน มูลค่ากว่า 521,865 ล้านบาท/ปี ส่งออก 1,054,103 คัน มูลค่ากว่า 545,967.56 ล้านบาท/ปี หลังจากโควิดเข้ามาตั้งแต่ 13 ม.ค.2563-มิถุนายน 2563 ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศทุกประเภทลดลงกว่า 65% ยอดขายต่างประเทศลงลงกว่า 69% เงินหายไปจากระบบธุรกิจยานยนต์-ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า ประมาณ 715,000 ล้านบาท ประมาณการภาษีเข้ารัฐหายไปกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมธุรกิจส่งออกรายการอื่นๆ ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไปกว่า 1.5 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวหายไปหมดกว่า 20 ล้านคน ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจเกี่ยวเนื่องสะดุด กิจการหยุด-ล้มหมด ไปต่อไม่ได้
ดังนั้น การที่รัฐบาลตัดสินใจ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.0 ล้านล้านบาท + พ.ร.ก.ปล่อยกู้ solf loan 5 แสนล้านบาท + พ.ร.ก.ซื้อหุ้นกู้ 4 แสนล้านบาท เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเงินจำนวนนี้กว่า 555,000 ล้านบาท นำไปช่วยเหลือประชาชนโดยตรงที่ต้องหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เป็นแบบให้เปล่าเลยไม่ต้องคืน ส่วนเงินที่เหลือในทั้ง พ.ร.ก. 3 ฉบับ ก็นำไปอัดฉีดเงินเข้าทุกระบบ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ แต่ก็ต้องรอบคอบอัดฉีดให้ตรงจุด เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มถึง 55-58% ต่อ GDP ชนเพดาน ซึ่งอันตรายมาก แต่ก็จำเป็นต้องเสี่ยงแบบรอบคอบ เพราะรายได้ประเทศไทยหายไปกว่า 2-3 ล้านล้านบาท ดังนั้น ตนจึงอยากให้รัฐบาลเร่งลงมือดำเนินโครงการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ อย่างเร่งด่วน โดยใช้วิธีการลงทุนแบบ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ Public Private Partnership (PPP) โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีไปลงทุน
“ผมเองก็เป็น 1 ใน คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผมก็ผลักดันเต็มตัว ร่วมกับ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ที่เป็นหัวหอกตั้งแต่ต้น กับ เพื่อน ส.ส. ส.ว. จำนวนมาก อีกทั้งก็มีกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ต่างชาติ อาทิ อเมริกา จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ สนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าว จะมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2-4 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี เกิดการสร้างงาน หลายแขนง ธุรกิจต่อเนื่องอีกหลายธุรกิจ ถ้าทำสำเร็จประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการขนส่งในทวีปเอเซียอาคเณย์ก็ว่าได้ รายได้ที่จะเกิดขึ้นมีมูลค่าอย่างต่ำกว่า ปีละ 1 ล้านล้านบาท
“อีกส่วนหนึ่งที่ต้องผลักดันเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศไทยหลังโควิด-19 จบ มีวัคซีน คือ โครงการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มี กาสิโน สวนสนุก โรงแรม และอื่นๆ เปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ทั้งเล่นจริงและออนไลน์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าปีละ 40-60 ล้านคน มาใช้บริการ ซึ่งจะทำรายได้ กว่าปีละ 2 ล้านล้านบาท ภาษีเข้ารัฐกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะ 7.0 ล้านล้านบาท หนี้พันธบัตรรัฐบาล สวัสดิการที่ต้องทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทย 66 ล้านคน สามารถดูแลได้ทั้งหมด”