“เต้น” แฉ! เหตุ”การเมือง” ไร้เสถียรภาพ ตีกันชุลมุน มาจาก”มีชัย-วิษณุ”

“ณัฐวุฒิ “ชำแหละ การเมืองไทย ตีกันเละเทะ มีต้นเหตุ จาก รธน.ปี 60 จงใจ ออกแบบไร้เสถียรภาพ สส.กระจาย  เป็น”เบี้ยหัวแตก” โยนบาป’ มีชัย-วิษณุ’ ทำพรรคการเมืองอ่อนแอ ปูทาง เผด็จการ ครองอำนาจ

เพจเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์ข้อความระบุว่า…นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด‘เต้น’’ เผยแพร่ทางแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ และยูทูบ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official’ วันที่ 17 มิ.ย. 63 ว่า ‘ข่าวพรรคการเมืองมีความขัดแย้ง เกิดแรงกระเพื่อมปรากฏขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลานี้

ทั้งฝ่ายรัฐบาลโดยพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำ ประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่ที่สุด หรือ กระทั่งรวมพลังประชาชาติไทย พรรคน้องใหม่ของ ลุงกำนัน ทางฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยก็มีข่าวกระทบกระทั่ง กระฉอกออกมาเหมือนกัน

ถ้ามองจากภาพรวมเรื่องนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะรัฐประหาร ที่ตั้งคุณมีชัยกับพวกมาร่างรัฐธรรมนูญ นอกจากต้องการสืบทอดอำนาจแล้ว สิ่งที่อยากเห็นก็คือ ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง

คุณมีชัย คุณวิษณุ ในฐานะผู้รับเหมาร่างรัฐธรรมนูญ ผลงานได้เรื่องนะครับ ตั้งรัฐบาลมาปีเดียว เละเทะกันได้ขนาดนี้ ความเข้มแข็งของพรรคการเมือง เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับการมีเสถียรภาพทางการเมืองและพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย

แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง เกิดมีพรรคเล็กพรรคน้อย กลายเป็น”เบี้ยหัวแตก” ในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลผสม 20 พรรค จะเอาเสถียรภาพมาจากไหน

ส.ส.ในพรรคการเมืองมีโอกาสปันใจเป็นงูเห่ากันได้ง่ายๆ เพราะถ้าพรรคขับออกก็เข้าทาง เดินเข้าไปหาพรรคใหม่ได้ทันที ถ้าไม่ขับออกก็ทู่ซี้อยู่ไป แต่ยกมือให้อีกฝ่ายหนึ่ง ถึงเวลาเลือกตั้งใหม่ พรรคเดิมจะไม่ส่งลงสมัคร เขาก็คิดไม่ยาก แค่ย้ายไปอยู่พรรคอื่นหรือไม่ก็ตั้งพรรคขึ้นมาเอง

รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้พรรคการเมืองลงสมัครได้คะแนนรวมกันทั้งประเทศ 30,000 คะแนนก็มีผู้แทนราษฎร

ฟันธงไปได้เลยว่า ถ้ายังบังคับใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีทางปฏิรูปการเมือง ไม่มีทางเห็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเมืองจะย่ำอยู่กับที่และมีเงื่อนไขความขัดแย้ง จะกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ได้ง่ายๆ

สิ่งเดียวที่จะมีเสถียรภาพ ก็คืออำนาจต่อท่อมาจากคสช. กลุ่ม 3 ป.ยังคงกุมความได้เปรียบทางการเมืองทุกประตู

ส.ว. 250 คน พร้อมที่จะยกมือโหวตพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกครั้งตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้และเมื่ออำนาจคสช.เข้มแข็งก็ชัดเจนนะครับว่าระบบการเมืองของฝ่ายเสรีนิยมจะถูกแทนที่โดยรัฐราชการอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ทำอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 แล้วก็เชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นภาพรัฐราชการมากขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น

นี่ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองทะเลาะกันแล้วผมมานั่งใส่ร้ายรัฐธรรมนูญนะครับ แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดผลอย่างที่ปรากฏจริงๆ ต่อให้รัฐบาลกุมสภาพได้ทั้งหมด ดูเหมือนมีเสถียรภาพทางการเมือง ความขัดแย้งก็จะต้องเกิดเพราะนี่คือกติกาที่โกงอำนาจประชาชนเอาไปไว้ที่คนกลุ่มเดียวได้เปรียบตลอดกาล แต่เมื่อมองดูเข้าไปในเงื่อนไขของแต่ละพรรค ถามว่าทำไมแต่ละพรรคถึงเกิดความขัดแย้งขึ้นพร้อมๆ กัน ก็ตอบว่าในซีกรัฐบาลเค้าแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันครับ

ครม.ชุดนี้ทำหน้าที่มาแล้ว 1 ปี สถานการณ์การเมืองยามนี้ไม่มีใครกล้ายืนยันหรอกครับว่าจะอยู่ยาวครบวาระ 4 ปีได้ ดีไม่ดีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไม่ช้าไม่นานนี้ด้วยซ้ำไป

บรรดาว่าที่รัฐมนตรีที่เข้าคิวรออยู่เขาก็อยากจะเข้าไปทำหน้าที่บ้าง ในพลังประชารัฐก็เลยต้องไล่หัวหน้า ไล่เลขาธิการพรรค เพื่อเพิ่มเงื่อนไขในการปรับครม. แม้พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าจะยังไม่ปรับในช่วงนี้

แต่ข่าวที่ออกมา เค้าจัดสรรเก้าอี้แบ่งกันเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำไป บางกระแสบอกว่า 4 กุมารจะรอลุ้นผลโหวตในที่ประชุมใหญ่ของพรรค ผมว่าเป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก เพราะลงมือขนาดนี้ ผู้มีบารมีตัวจริงในพลังประชารัฐเค้าจัดการไว้เบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะครับ

ส่วนในประชาธิปัตย์สถานการณ์ซับซ้อนกว่านี้ นอกเหนือจากเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีซึ่งคงมีคนรอคิวอยู่บ้างแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องการทำงานขับเคลื่อนการนำพาพรรคไปสู่สถานการณ์ที่ดีกว่าในปัจจุบัน

คุณจุรินทร์ หัวหน้าพรรค แม้ว่าเป็นเด็กปั้นคุณชวน หลีกภัยอีกคนหนึ่ง แต่ว่าซีกที่สนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังหมายมั่นปั้นมือจะให้หัวหน้าคนเดิมกลับมามีบทบาทอีกครั้ง

ตัวคุณอภิสิทธิ์ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เนี่ย ลาออกด้วยความจำใจในสภาพทางการเมืองนะครับ แต่ในหัวใจจริงๆ ผมเชื่อว่าอยากจะกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมตลอดเวลา ก็ดูความเคลื่อนไหวของทีมงานคุณอภิสิทธิ์ในพรรค พยายามเหลือเกินนะครับที่จะเปิดพื้นที่ให้คุณอภิสิทธิ์เข้ามามีบทบาทสำคัญ

เริ่มตั้งแต่การเป็นประธานคณะกรรมาธิการรับฟังแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสุดท้ายพลังประชารัฐไม่เอาด้วย ตีตกไป

แล้วก็ให้คุณพีระพันธุ์ ซึ่งย้ายมาจากประชาธิปัตย์นี่ล่ะครับไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทน กลุ่มคุณอภิสิทธิ์คงรู้ชัดล่ะครับว่า บทบาทหรือสถานะทางการเมืองใดก็ตามที่จะต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากพรรคแกนนำ หรือต้องการเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร รับรองว่าเป็นไปไม่ได้

นายทหาร 3 ป. ที่มีอำนาจอยู่เวลานี้ เค้ารู้จักคุณอภิสิทธิ์ดีครับเพราะ 3 คนนี้เป็นคนอุ้มคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีในค่ายทหาร ได้ข่าวว่าตอนที่ทำงานด้วยกัน รู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีเข็ดขี้อ่อนขี้แก่กันไปแล้ว

คุณอภิสิทธิ์จึงต้องหันกลับมาในพรรคประชาธิปัตย์ งานนี้จะเกิดศึกสายเลือดลูกศิษย์คุณชวนหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทยต้องยอมรับนะครับว่า หม่อมเต่าหัวหน้าพรรคเนี่ย ไม่ธรรมดา ชื่อแกช้าครับชื่อเต่า แต่บทจะตัดสินใจ ไวกว่าใครเค้าเพื่อน ชิงลาออกสวนหมัดมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ที่มีมติให้หม่อมเต่าสอบตกในการทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน

หม่อมเต่าทิ้งท้ายไว้บาดใจนะครับ บอกเหมือนผัวเมียที่หย่าขาดจากกัน ก็มีผลในทันที ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีถ้าเค้าปรับให้ออกก็ออกเลยไม่มีปัญหา ไม่ว่ากัน บทจะแยกทางกัน หม่อมเต่าไม่ยอมเจ็บคนเดียว ออกมาสวนหมัดรักษาศักดิ์ศรี ผมว่า 4 กุมาร ดูพี่เต่าเค้าไว้บ้างก็ดีนะครับ

งานนี้ไม่รู้ใครเสียทีใครนะครับ เพราะตอนมาเป็นหัวหน้าพรรค หลายคนมองบทบาทหม่อมเต่าแล้วก็สรุปตรงกันว่าหัวหน้าตัวจริงคือลุงกำนัน

ลุงกำนันคนเดียวกับที่ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนเวทีชุมนุมนั่นล่ะครับว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้วการเมือง ไม่ข้องเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น

จากสภาพที่เห็นอยู่ ชัดเจนว่า วาทกรรมปฏิรูปก่อนเลือกตั้งล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง ไม่มีพัฒนาการทางการเมือง ไม่มีความหวังของระบอบประชาธิปไตย นี่ไม่ใช่นิวนอร์มอล แต่ทำให้สังคมไทย ถอยหลังออกไปหลาย 10 ปีและเชื่อเหลือเกินว่า จะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์นี้

พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ รวมพลังประชาชาติไทย จะเป็นอย่างไรคอยดูกันต่อ แต่ความบอบช้ำเสียหายของสังคมไทยที่เกิดขึ้น นี่ล่ะครับเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันคิด หยุดการแทรกแซงของอำนาจนอกระบบ หยุดเปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร หยุดเชื่อมั่นว่าเผด็จการจะมาสร้างประชาธิปไตย

กี่ครั้งแล้วล่ะครับที่คนไทยเผลอใจไปเรียกรถถัง กี่ครั้งแล้วที่ต้องมานั่งเจ็บใจเสียใจกับความเป็นจริงที่สวนทางกับสิ่งที่ประกาศกัน นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ยเสียดสี แต่เป็นการชี้ความจริงให้เห็น
เพื่อให้ทุกคนมองไปข้างหน้า

คสช. ต้องเป็นเผด็จการชุดสุดท้าย รัฐประหาร 22 พฤษภา 2557 ต้องไม่มีเกิดขึ้นอีกต่อไป ความขัดแย้งทางการเมืองต้องแก้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย

อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน ไม่มียอดมนุษย์ที่ไหนจะขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องจนถึงขั้นถืออำนาจเด็ดขาดสูงสุดเพียงคนเดียว แล้วกำหนดอนาคตประเทศไทยตามที่เขาต้องการ

ผมเชื่อในความดีครับ แต่ผมไม่เชื่อในคนดีที่ตรวจสอบไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้เกิดจากกลุ่มคนที่ประกาศตัวเองว่าเป็นคนดี ชุมนุมไล่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง เปิดทางให้มีการรัฐประหาร แล้วเอาคนดีมาบริหารประเทศ ตั้งคนดีมาเป็นแม่น้ำ 5 สาย ตั้งคนดีมาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วก็เกิดปัญหาเป็นสงครามคนดีในปัจจุบัน

คณะผู้มีอำนาจตั้งพรรคการเมือง นัยว่าเป็นศูนย์รวมคนดี ทำงานไปได้ 1 ปี เกิดเหตุคนดีไล่คนดี จนดร.สมคิดบอกว่า คนดีอยู่ในการเมืองไม่ได้ ตกลงไม่รู้ใครดีกว่าใคร วิถีการเมืองแบบนี้ไม่ใช่ทางแห่งความเจริญของประเทศนะครับ

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยมีข่าวความขัดแย้งออกมา เหตุปัจจัยคงต่างกันเพราะที่นั่นไม่มีเก้าอี้ให้แย่ง เป็นฝ่ายค้านจะไปแย่งตำแหน่งอะไรกันล่ะครับ แต่ต้องยอมรับกันว่าความไม่ลงลอยของแกนนำผู้มีบทบาทสำคัญในพรรค เกิดเป็นข่าวมาแล้วยาวนานก่อนหน้านี้

ส่วนจะมีผลถึงขั้นต้องไปตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่หรือไม่ ผมคิดว่าเหตุผลคงไม่ใช่เรื่องนี้ทีเดียวนัก เพราะสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยอยู่อีกข้างหนึ่งของกระดานหกทางอำนาจโดยรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

เมื่อรัฐธรรมนูญ 60 เอื้อโอกาส เอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐมากแค่ไหน ก็ต้องทำลายโอกาสและปิดกั้นประโยชน์ของเพื่อไทยมากเท่านั้น

พรรคเพื่อไทยจึงเป็นพรรคอันดับ 1 จากการเลือกตั้ง แต่ไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อและการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดผลแบบเดียวกัน ดังนั้น ความขัดแย้งขบเหลี่ยม แม้จะมีอยู่จริง
แต่เท่าที่เห็น เค้าก็ทำงานกันมาได้

ที่ต้องไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เป็นผลจากกติกาเป็นสำคัญ ต่อให้รักกันเหนียวแน่นดูดดื่มแค่ไหน แต่ภายในพรรคเพื่อไทย เค้าก็ต้องคิดเอาชนะกติกานี้ได้ และการจะเอาชนะกติกานี้ได้ สำหรับพรรคเพื่อไทย การมีพรรคการเมืองมารองรับคะแนนบัญชีรายชื่อ ก็คงเป็น 1 ในสูตรที่เค้าคิดกัน

ส่วนจะมีสูตรพิสดารขนาดที่ข้ามฟากไปจับมือกับพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลหรือเปล่า ผมไม่รู้นะครับ แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า ถ้าเกิดแบบนั้น อำนาจ ผลประโยชน์ทางการเมือง ก็คงมีล่ะครับ แต่ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชน หมดตูดแน่นอน

การจะนำพาสังคมไทยและสภาพการเมืองไทยออกพ้นสถานการณ์เช่นนี้ได้ มีวิธีการเดียวคือต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากประชาชน

อย่าได้กล่าวหานะครับว่าผมเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกตน ไม่ใช่อ่ะครับ

แต่ผมต้องการทลายแหล่งผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายรัฐประหาร คืนกลับมาให้ประชาชนมากกว่า !