“กรุงเทพโพล” ปชช.เชื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจำเป็นคุม โควิด-19 ล็อกดาวน์ มีผลต่อการดำเนินชีวิตน้อย, ห่วงขาดรายได้ เห็นด้วยลดเคอร์ฟิว 1 ชม. ขณะเดียวกัน ยังกังวล สถานบันเทิง ผับบาร์ สนามมวย อาจเป็นแหล่งแร่เชื้ออีกเมื่อคลายล็อก
วันที่ 30 พ.ค.63 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยแพร่ สำรวจความเห็นประชาชน “คนไทยว่ายังไง…กับการต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน” โดยเก็บข้อมูลจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,205 คน ระหว่างวันที่ 25-27 พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 57.9 เห็นว่า การต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การล็อกดาวน์ มีผลต่อการดำเนินชีวิต การทำงาน การเรียน ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 42.1 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
เมื่อถามว่ากังวลมากน้อยเพียงใดต่อสถานที่ที่เปิดจากมาตรการผ่อนปรนเฟสแรกและเฟสสองว่าจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ได้ พบว่า ในมาตรการผ่อนปรนเฟสแรกเคอร์ฟิว 22.00 – 04.00 น. เช่น ตลาด ร้านอาหารขนาดเล็ก สนามกีฬากลางแจ้ง ร้านตัดผม ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.8 มีความกังวลต่อสถานที่ เช่น ตลาด ร้านอาหารขนาดเล็ก สนามกีฬากลางแจ้ง ร้านตัดผม ที่ผ่อนปรน เฟสแรกและเฟส 2 ว่าจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ได้ ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 38.2 มีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ส่วนมาตรการผ่อนปรนเฟสสอง เคอร์ฟิว 23.00 – 04.00 น. เช่น ห้างสรรพสินค้า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.6 มีความกังวลต่อสถานที่ ที่ผ่อนปรนเฟสสอง เคอร์ฟิว 23.00 – 04.00 น. เช่น ห้างสรรพสินค้า ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด และร้อยละ 38.4 มีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ทั้งนี้ ร้อยละ 80.5 กังวลต่อสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่จะผ่อนปรนระยะที่3 และ 4 มากที่สุด ว่าอาจจะทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้, ร้อยละ 77.6 สนามมวย สนามม้า สนามแข่งกีฬาต่างๆ คิดและ ร้อยละ 46.2 โรงภาพยนตร์ และเมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการลดเวลาเคอร์ฟิวลงเหลือ 23.00 – 03.00 น. พบว่า ร้อยละ 82.4 เห็นด้วยเพราะ เวลาไม่ได้แตกต่างจากเดิมที่ 23.00 – 04.00 น. จะได้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินชีวิตได้มากขึ้น,ร้อยละ 17.6 ไม่เห็นด้วยเพราะ จะทำให้มีการพบปะ สังสรรค์ ชุมนุมกันเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19,
นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 69.5 ยังมองว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยังจำเป็นต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด,ร้อยละ 30.5 เห็นว่าจำเป็นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดจากการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร้อยละ 77.9 ระบุ ปัญหาการขาดรายได้ ค่าครองชีพของประชาชน, ร้อยละ 70.0 มีการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น และ ร้อยละ 57.7 การศึกษาของลูกหลาน