สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศให้มัสยิดทุกแห่งสามารถปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอิฎิ้ลฟิตรีในวันรายอที่มัสยิดได้แล้ว แต่ต้องอยู่ภายในมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างรัดกุม
วันที่ 17 พ.ค.63 สำนักจุฬาราชมนตรีออกประกาศให้มัสยิดสามารถปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอิฎิ้ลฟิตรี ในวันราออิฎิ้ลฟิตรีได้แล้ว ซึ่งเป็นศาสนกิจสำคัญหลังสิ้นสุดการถือศีลอด และเป็นการละหมาดรวมกลุ่มใหญ่ หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง และภาครัฐมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น
แต่การละหมาดอีฎิ้ลฟิตรียังคงอยู่ภายใต้การป้องกันโควิด-19 อย่างรัดกุม เช่น ให้มัสยิดจัดเตรียมพื้นที่เปิด เช่น ลานมัสยิดรวมถึงพื้นที่ในอาคารมัสยิด อาคารเรียนประจำมัสยิดที่โล่งกว้าง หรือ สนามกีฬาในชุมชน สำหรับการละหมาดอิฎิ้ลฟิตรีให้รีบปฏิบัติศาสนกิจละหมาดเมื่อเข้าเวลา และให้กระชับเวลาในการละหมาดและคุตบะห์ไม่เกิน 20 นาที
อย่างไรก็ตามหากมัสยิดใดไม่สามารถปฏิบัติตามแนวทางนี้ได้ ก็ให้มัสยิดแจ้งสัปปุรุษละหมาดที่บ้านในลักษณะรวมกันเป็นครอบครัว จำกัดเฉพาะญาติพี่น้องเท่านั้น โดยไม่ต้องอ่านคุตบะห์ รวมถึงให้มัสยิดงดการจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาร่วมละหมาดและการจัดกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมหรือ การรวมตัวกันเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมาก เช่น การเยี่ยมญาติ การเยี่ยมกุโบร์ หรือ สุสาน และการจัดเลี้ยงอาหารในเคหสถาน หากมีความจำเป็นให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค และ คำแนะนำของทางราชการ และประกาศจุฬาราชมนตรีอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ทางสำนักจุฬาราชมนตรีได้ให้ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ในวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเพื่อกำหนดวันอิฎิ้ลฟิตรีในปีนี้อีกครั้ง