ทักษิณ จี้ รัฐบาล คลายล็อกดาวน์ เน้นให้ความรู้ ปชช. เตือนระวังเศรษฐกิจพัง เผย อยู่เมืองนอกทำตัวลำบาก ค่าใช้จ่ายสูงต้องหาเงิน เลยช่วยไม่ได้มาก แต่ที่ผ่านมาได้บริจาคให้ ตามสถานพยาบาล และ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ชม “ธนาธร” ทำดี อนาคตทางการเมืองยังไปได้อีกไกล โต้ข่าว เป็นเจ้าภาพงานศพ พร้อมครวญเป็นคนไทย ที่ไม่มีคนอยากให้เป็น
วันที่ 13 พ.ค.63 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์บีบีซี ไทย ที่ ลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมี น.ส.อิสสริยา พรายทองแย้ม เป็นผู้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ นายทักษิณ ปฏิเสธพูดเรื่องการเมือง แต่กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ชื่นชมระบบสาธารณสุขของไทยแข็งแรง เพราะคนตายน้อย และอัตราการรักษาหายก็สูง แต่เป็นห่วงเรื่องการตรวจ เพราะว่าถ้าเราตรวจน้อย ก็พบผู้ติดเชื้อน้อย อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมด สามารถใช้ทฤษฎีสุ่มตัวอย่างของวิชาวิจัยได้ เพื่อไม่ให้มีค่าใช้จ่ายสูง ถ้าสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม หรือในชุมชนแออัด ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพและสุขอนามัยทั้งหลาย จะเป็นประโยชน์ ทำให้เราป้องกันเชิงรุกได้
ส่วนมาตรการล็อกดาวน์ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ มองอย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า เคยติดตามไวรัสตัวใหม่ๆ สมัยเป็นนายกฯ เรื่องของไข้หวัดนก และโรคซาร์ส ที่มาจากจีน จึงติดตามเนื้อหาลักษณะของโรคต่างๆ แต่โรคนี้ค่อนข้างตกใจต่อการที่ทุกฝ่ายต้องใช้วิธีล็อกดาวน์กันทั้งโลก และใช้คำว่า Social Distancing ซึ่งการเพิ่มระยะห่างทางสังคมเคยใช้ร้อยกว่าปีที่แล้ว สมัยไข้หวัดใหญ่สเปนระบาด ซึ่งเมื่อร้อยปีที่แล้วไม่ได้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันเหมือนปัจจุบัน และเศรษฐกิจไม่ได้เชื่อมโยงกัน เพราฉะนั้นแต่ละแห่งจึงล็อกดาวน์ในพื้นที่ของตนเอง ไม่ได้เดือดร้อนกันทั้งโลก และเดือดร้อนไม่มาก เพราะเศรษฐกิจไม่ตื่นตัวเหมือนปัจจุบัน ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการป้องกันโรคระบาดทั่วไป หรือการระบาดใหญ่เลย ถ้าเราเรียนรู้มากกว่านี้ เราคงไม่ใช้วิธีของร้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะร้อยกว่าปีที่แล้วเหมือนกับเศรษฐกิจเล็ก ปิดแล้วไม่เป็นไร แต่วันนี้เศรษฐกิจมันใหญ่ ความเสียหายที่มันเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจมันหนัก หนักกับในครัวเรือนกับประชาชน ประเทศ และระดับทั้งโลก มันหนักไปหมด เพราะว่าเรากำลังแลกกับสิ่งที่เรารู้ยังไม่จริง
นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ต้องรีบคลายเรื่องการล็อกดาวน์ แล้วเน้นให้ความรู้กับประชาชนเหมือนที่ไต้หวันทำ เน้นให้ความรู้กับประชาชนและประชาชนร่วมมือ ประชาชนมีวินัยมาก เลยทำให้ไต้หวันไม่ระบาดมาก ตายน้อย รักษาหายมาก เหมือนของเราในปัจจุบัน เพราะระบบสาธาณสุขของเราแข็งแรง เพราะฉะนั้น เราดีตรงนี้ เราจึงไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ว่าต้องให้ความรู้ ให้ประชาชนรู้อย่างแท้จริงว่าการรักษาสุขอนามัย การป้องกันตัวเองมีอะไรบ้าง ที่สำคัญคือ คนที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรจะออกไปข้างนอก ต้องก็บตัว แต่ถ้าคนแข็งแรง ไม่เป็นไร เพราะมีภูมิต้านทาน เชื้อพวกนี้ ถ้าคนมีภูมิต้านทานจะไม่ติดง่ายๆ เพราะฉะนั้น เราอย่ากลัวเกินเหตุ เพราะเราไม่รู้จริงของเชื้อโรค
อีกอันที่เราตกใจกันมาก กับตัวเลขทั่วโลก ตนสังเกตดูทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกา อิตาลี หรือสเปน ใช้การตรวจส่วนใหญ่ด้วยแอนติบอดี เทสต์ (ตรวจหาภูมิคุ้มกัน) ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นโคโรนาไวรัสหรือไม่เป็น บอกได้แค่ว่ามีไวรัส เพราะฉะนั้นถ้าไม่บอกว่าเป็นโคโรนาไวรัส แล้วเราก็อาจจะมีเชื้ออยู่ด้วย กลายเป็นว่าเอาคนที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อไปปนกัน ทำให้ติดกันได้ อิตาลีที่ตายเยอะเพราะเป็นคนแก่ และมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ระยะนี้ตามปกติถือว่า ฤดูที่มีไข้หวัดใหญ่ระบาด (Flu Season) เพราะฉะนั้นไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัส โคโรนาก็เป็นไวรัสก็จับไปรวมกัน ซึ่งปกติไข้หวัดใหญ่มีคนตายปีละเป็นหมื่นอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายทักษิณ มองว่า รัฐบาลทั้งโลกกำลังเดินไปในทางที่ผิดหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จะเรียกว่าเดินผิดก็อย่าไปว่าเขาขนาดนั้น เขาอาจจะเป็นว่า ไม่เข้าใจว่าต้องใช้การตรวจพีซีอาร์ (ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส) เท่านั้น ที่จะบอกได้ว่าเป็นโคโรนา แต่เขาไปใช้การตรวจหาภูมิคุ้มกัน เพราะราคาถูกและเร็ว แต่การตรวจแบบพีซีอาร์ใช้เวลาตรวจ เอาไปเข้าห้องทดลอง รอพร้อมกันครั้งละ 100-200 ราย แล้วค่อยตรวจทีหนึ่ง อาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน การตรวจหาภูมิคุ้มกันมันเร็วแต่มันหยาบ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ได้ตรวจแบบพีซีอาร์ก็ไม่สามารถแยกแยะว่าเป็นโคโรนาจริงหรือไม่ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ประกาศกันทั่วไปทั้งหมดถึงเยอะมาก แล้ววันนี้เริ่มบ่นกันแล้วว่าการตรวจหาภูมิคุ้มกันไม่ได้ผล
เมื่อถามว่า ที่นายทักษิณพูด ส่วนหนึ่งคือไม่ได้เป็นคนที่นั่งแก้ปัญหา แรงกดดันก็ไม่มี นายทักษิณ ตอบว่า ใช่ ถามว่า ทำให้คิดหรือมองมากกว่าคนอื่นอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า อาจจะเป็นได้ ตนมีเวลาศึกษา มันว่างง่านอยู่บ้าน โทร.หาคนนั้นคนนี้เพื่อตรวจสอบ แล้วอ่านบทความเยอะ เลยรู้ว่าเรากำลังเอาเศรษฐกิจก้อนใหญ่ไปแลกกับเรื่องที่เราสามารถป้องกันได้เกือบจะเป็นศูนย์ มันมากไปหรือเปล่า แพงไปหรือเปล่า ช้ำไปหรือเปล่า
เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เป็นคนจัดการปัญหาการระบาดของโรคโควิดในเมืองไทยจะให้ทำอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคงไม่กล้าวิจารณ์อะไร เพราะคิดว่ารัฐบาลเป็นคนทำงาน เขาคงตั้งใจเต็มที่ เราก็ไม่รู้ แต่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องการให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รู้เท่ากับรัฐบาล ถ้าประชาชนรู้เท่ากับรัฐบาล รัฐบาลคิดอะไร เขาก็คิดตรงกันทุกอย่าง เพราะต้องให้รู้เท่ากัน
เมื่อถามว่า ในช่วงอดีต เคยเกิดเรื่องการระบาดของไข้หวัดนก ในช่วงแรกๆ ของการแก้ปัญหาก็มีการถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกัน ถึงเรื่องของการปกปิดข้อมูลในช่วงแรก แล้วตอนหลังถึงขั้นนั่ง ต้องมานั่งกินไก่โชว์ นายทักษิณ อธิบายว่า เรื่องข้อมูล รายงาน เป็นเรื่องของกรมควบคุมโรคติดต่อ ในกระทรวงสาธารณสุข กับโรงพยาบาลต่างๆ ที่จะต้องประสานงานกัน การเกิดขึ้นบางทีมันเกิดขึ้นจุดหนึ่ง เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือไข้หวัดนก จึงยังไม่มีรายงานเข้ามา ตอนหลังเราทำงานร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) และ องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเข้าใจสมมติฐานของโรคมากขึ้น แล้วให้ความรู้กับทุกคน ระบบรายงานมีเข้ามาปกติ ไม่ได้ปิดบัง
ตนไม่ได้คิดว่ากระทรวงสาธารณสุขปิดบังตัวเลข เพียงแต่ว่าตอนใหม่ๆ มันยังไม่รู้ ความไม่รู้ยังมีอยู่ การรายงานจึงอาจยังไม่ถูกต้อง ตอนหลังพอเราทำงานร่วมกับต่างประเทศ ข้อมูลมันเข้ามา ตัวเลขเริ่มเข้ามานิ่งขึ้น ถูกต้องขึ้น ตอนหลังที่ไปกินไก่โชว์ เพราะว่าถามทั้งนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ ว่า เชื้อโรคตายได้ยังไง เขาบอกเชื้อโรคตายที่อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นไก่ที่เป็นโรค เมื่อต้มที่อุณหภูมิเกิน 85 องศาเซลเซียส กินแล้วไม่เป็นอะไร เพราะเชื้อตายหมด จึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นธุรกิจย่ำแย่ แม่ค้าขายไก่ ขายในตลาดก็ขายไม่ได้ เลยสร้างความมั่นใจให้เขา แต่เราต้องรู้จริง ก่อนจะสร้างความมั่นใจ
“คนข้างล่างเขาจะถามว่า ถ้าไม่ติดโคโรนาตายแล้วอดตายแทน บางครั้ง ประเทศกำลังพัฒนาต้องคิดตรงนี้เหมือนกัน ถ้าเราคิดถึงเรื่องจำนวนคนตาย เราต้องคิดว่า ทุกปีมีวันหยุดยาวๆ เราปล่อยให้ผู้คนขับรถไปหากัน ตายทีหนึ่ง 500-600 คน เราจะออกกฎห้ามขับรถไปหากันไหม ไปรถไฟ ไปเครื่องบิน หรืออะไรไหม ถ้าจะปกป้องชีวิตกันขนาดนั้น คือต้องคิดว่า เรารักชีวิตประชาชน เราอยากจะเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกัน ทุกแห่งทั่วโลก ที่สำคัญต้องคิดว่า เรายังมีคนซึ่งไม่มีเงินออม และมีหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่จำนวนมาก คนเหล่านี้ถ้าจะให้เขาเสียสละ มันน้องๆ กับเสียสละชีวิตเหมือนกัน แล้วยังไงดี” นายทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่า เห็นภาพคนไทยรอลงทะเบียนรับเงืนเยียวยามองยังไง นายทักษิณ กล่าวว่า ตนรู้ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ เพราะว่าคนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูง บางคนป่วย ยังไม่ยอมป่วย ต้องไปทำงาน เพราะว่ากลัวไม่มีเงินไปให้ลูกกิน เรายังมีภาวะที่มีคนจน หรือคนหาเช้ากินค่ำอยู่เยอะ ตรงนี้ อยากฝากส่วนที่เกี่ยวข้องว่าต้องดูและเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า สิ่งที่นายทักษิณทำได้ในเวลานี้ คือ การช่วยเหลือคนเหล่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งคือคนที่เคยสนับสนุนนายทักษิณในระดับรากหญ้ามาก่อน จากข้างนอกได้ช่วยเหลืออะไรคนกลุ่มนั้นไปบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถจะช่วยคนเป็นล้านๆ คนได้ แต่ว่าช่วยตามกำลัง ช่วยตามน้ำใจ ส่วนใหญ่ไปช่วยที่โรงพยาบาล ซี่อชุดพีพีอี ซื้อเครื่องช่วยหายใจ ซื้อหน้ากากให้บ้าง ส่วนชาวบ้าน บางทีพวกมีกิจกรรมทั้งหลาย ก็ขอไปร่วมบริจาค ไปทำกับข้าวเลี้ยงคนบ้าง นำเงินไปแจก 100-200 บาท ขอตนบริจาค ตนก็บริจาคกองนั้นบ้าง กองนี้บ้าง ทำได้แค่นี้
เมื่อถามว่า ตอนนี้ทั่วโลก ได้เห็นมหาเศรษฐีหลายคนทำโครงการการกุศลเพื่อเพื่อนมนุษย์ ให้การบริจาคมหาศาล สิ่งที่นายทักษิณยกตัวอย่างมา เรื่องของการช่วยเล็กๆ น้อยๆ เห็นภาพใบหน้านายทักษิณบนขวดเจลล้างมือที่แจกแถวภาคอีสาน คิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้มากกว่านั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ตนทำตัวลำบาก เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย และไม่อยากให้ถูกมองว่ามายุ่งการเมืองหรืออะไร เพราะฉะนั้นตนจึงทำแบบเงียบๆ ดีกว่า อะไรทำได้ก็ทำไป เดือนๆ หนึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เลยต้องทำมาหากินที่กรุงลอนดอน ไม่งั้นจะมีไม่พอกิน
เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บริจาคเครื่องตรวจมูลค่าสูง นายทักษิณ คิดว่าอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ดี ช่วยกัน ใครทำอะไรได้ ต้องช่วยกันทำ เพราะนายธนาธรยังหนุ่ม มีอนาคตดี อนาคตทางการเมืองยังมีเยอะ ถึงแม้ว่าจะต้องโดนลงโทษอะไรไปบ้าง สิ่งที่นายธนาธรได้ทำก็เป็นสิ่งที่ดี คนไทยต้องช่วยกันทุกฝ่าย ใครมีกำลังต้องช่วยกันไป แล้วผมวันนี้เป็นคนไทยที่เขาไม่ให้เป็นคนไทยอยู่แล้ว มาอยู่เมืองนอก พาสปอร์ตไทยก็ไม่มี อยู่เมืองนอก ก็ช่วยทำในฐานะที่เคยเป็นนายกฯ เคยมีคนสนับสนุนเยอะแยะ เราก็เป็นห่วงเขาแค่นั้นเอง
เมื่อถามว่า เห็นชื่อนายทักษิณเป็นเจ้าภาพงานศพคนที่ฆ่าตัวตาย หลังเขียนภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นห้วงเวลาที่นายทักษิณจะกลับมาอยู่ในเฟรม มาอยู่ในความสนใจของคนไทยหรือเปล่า นายทักษิณ กล่าวว่า ชื่อของตนมันถูกใช้เยอะแยะไปหมด เพราะว่าบางทีตนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ตนเห็นใจคนที่ต้องลำบากถึงฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทาง ส.ส.พื้นที่เขาเห็นเหมาะสม เขาก็ไปใส่ชื่อตนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งตนก็แสดงความเสียใจแค่นั้นเอง ตนเป็นเจ้าภาพได้ยังไง ตนอยู่ที่นี่