น้องเดียร์ โพสต์ รำลึก 10ปี การจากไปของ “เสธ.แดง” ยกเป็นทหาร ปชต.ที่ ยืนเคียงข้างข้าง ปชช. ก่อนสิ้นลมหายใจ จากกระสุน “ปริศนา” ชี้ ผ่านมา10ปี คดีไม่มีความคืบหน้า เย้ย ทหารทั้งกองทัพ ไม่มีใครได้รับความรัก ศรัทธ เท่า “เสธ.แดง”
วันที่ 13พ.ค.63 น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กรำลึกครบรอบ 10 ปี การจากไปของ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล บิดาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ระบุว่า
” มารู้จัก “เสธ.แดง” ทหารไทยที่เสียชีวิต เพราะเลือกยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย
เดียร์รู้สึกดีใจที่วันนี้คนรุ่นใหม่หันย้อนไปให้ความสนใจกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนมากขึ้น เดียร์เลยอยากขอเล่าถึงทหารผู้หนึ่งที่ชื่อ เสธ.แดง
” มารู้จัก “เสธ.แดง” ทหารไทยที่เสียชีวิต เพราะเลือกยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย
เดียร์รู้สึกดีใจที่วันนี้คนรุ่นใหม่หันย้อนไปให้ความสนใจกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนมากขึ้น เดียร์เลยอยากขอเล่าถึงทหารผู้หนึ่งที่ชื่อ เสธ.แดง
ขอบอกก่อนว่า เสธ.แดง ที่กำลังจะเล่าถึงนี้ ไม่ใช่คนที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบัน แต่เป็นทหารไทยที่อยู่ข้างประชาธิปไตย ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
(1) เสธ.แดง เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2494 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 โรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 22 (เหล่าทหารม้า) และโรงเรียนเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 63 เข้ารับราชการเป็นทหารเมื่อปี 2516
(2) ปีแรกของชีวิตราชการ เสธ.แดง ไปประจำการที่กองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้บังคับหมวดกองร้อยทหารม้ายานเกราะ ได้ออกราชการสนามเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 512 ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษที่ 51 กองทัพภาคที่ 4 ทั้งเป็นผู้บังคับหมวดทหารม้าที่ 1 กองพันทหารม้าที่ 3 บนดอยแม่จริม จังหวัดน่าน ปะทะกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยเฉพาะกิจที่ 923 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก 309 จังหวัดอุดรธานี
(3) เสธ.แดง เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และที่ภูมิใจที่สุดคือการเป็นผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 30 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จังหวัดปราจีนบุรี (เป็นผู้บังคับกองพันคนแรกของกองพันทหารม้าที่ 30 รักษาพระองค์)
(1) เสธ.แดง เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2494 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 โรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 22 (เหล่าทหารม้า) และโรงเรียนเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 63 เข้ารับราชการเป็นทหารเมื่อปี 2516
(2) ปีแรกของชีวิตราชการ เสธ.แดง ไปประจำการที่กองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้บังคับหมวดกองร้อยทหารม้ายานเกราะ ได้ออกราชการสนามเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 512 ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษที่ 51 กองทัพภาคที่ 4 ทั้งเป็นผู้บังคับหมวดทหารม้าที่ 1 กองพันทหารม้าที่ 3 บนดอยแม่จริม จังหวัดน่าน ปะทะกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยเฉพาะกิจที่ 923 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก 309 จังหวัดอุดรธานี
(3) เสธ.แดง เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และที่ภูมิใจที่สุดคือการเป็นผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 30 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จังหวัดปราจีนบุรี (เป็นผู้บังคับกองพันคนแรกของกองพันทหารม้าที่ 30 รักษาพระองค์)
(4) ได้รับพระราชทานยศพลตรีเมื่อปี 2541 ซึ่งเป็นยศสุดท้ายก่อนเสียชีวิต
(5) ในปี 2553 เสธ.แดง ตัดสินใจก้าวออกมาจากฝั่งของกองทัพ เพื่อมายืนเคียงข้างประชาชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
(6) รู้ทั้งรู้ว่าการเลือกทางเดินแบบนี้จะต้องถูกกองทัพลงโทษ ทั้งเป็นอุปสรรคต่อการเลื่อนขั้นเลื่อนยศ ถูกสั่งพักราชการ และมีการชงเรื่องให้ออกจากราชการ
(7) เสธ.แดง เห็นว่าประชาชนอยู่กันเองในที่ชุมนุมกลางเมือง อาจถูกกองทัพเข้ามาปราบหรือสลายการชุมนุมได้ตลอดเวลา จึงสอนผู้ชุมนุมถึงวิธีการป้องกันตัวเองเพื่อเอาตัวรอด อาวุธที่ใช้มีเพียงไม้ไผ่ ไม้พลอง ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แต่เพื่อช่วยรักษาชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์
(8) วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ขณะที่ เสธ.แดง กำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม เสธ.แดง ถูกยิงด้วยกระสุนจากพลซุ่มยิงมุมสูงเข้าที่ศีรษะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เสธ.แดง พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล คุณพ่อของเดียร์ ได้อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาประชาธิปไตยจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
10 ปีผ่านไป คดีของคุณพ่อไม่มีความคืบหน้า
10 ปีผ่านไป ผู้มีอำนาจก็ยังใช้อำนาจของตนเพื่อปกป้องพวกพ้องและรักษาอำนาจของตัวเองไว้โดยไม่สนหัวประชาชนอยู่เหมือนเดิม และยังไม่เห็นมีนายทหารคนไหนกล้าทำอย่างคุณพ่ออีกเลย
วันนี้ คุณพ่อก็ได้ชื่อว่าเป็น “ทหารของประชาชน” ทหารที่ได้ทั้งความรัก ความศรัทธา และความเคารพจากประชาชน แค่นี้ก็ทำให้ลูกสาวอย่างหนูภาคภูมิใจเป็นที่สุดแล้ว
คิดถึงคุณพ่อทุกวัน
น้องเดียร์”