กระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริมสินค้ามาตรฐาน “ฮาลาล”ดัน ไทยติดอันดับท็อปเทนของโลก “เฉลิมชัย” ตั้ง 4 ทีมงานผลักดันเต็มรูปแบบ หวังแชร์ ส่วนแบ่ง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เตรียมดันพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ เป็นระเบียงเศรษฐกิจ หรือ “ฮาลาลโลก” ขณะ ยูเออี ยอมรับ สินค้าไก่แช่เย็นของไทยแล้ว
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันว่า นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหาร ติดอันดับท็อปเทนของโลก ล่าสุด นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล”ขึ้น โดยมีการประชุมทางไกลต่อเนื่องทุกสัปดาห์ และครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 7พ.ค. 2563 ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ คือ
1. คณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” 2. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการค้าสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” 3. คณะอนุกรรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” 4. คณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ “ฮาลาล” มี รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานโดยคำนึงถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นหลัก
พร้อมกันนี้ยังได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายพื้นที่และยกระดับการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และความเป็นไปได้ในการจัดงานแสดงสินค้าฮาลาล (Halal Expo) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อสถานการณ์โควิด19คลี่คลาย รวมทั้งการสนับสนุนเขตอุตสาหกรรมฮาลาล และ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง 5 จังหวัดภาคใต้กับ 5 รัฐภาคเหนือของมาเลเซียตลอดจนกรอบความร่วมมืออาเซียน และ IMT-GT คือไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. 2559-2563) มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันอาหาร และ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกันวางระบบและให้การรับรองฮาลาลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย(SME) และ วิสาหกิจชุมชนกว่า 500 กิจการ และให้ความรู้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับรองและประชาชน จำนวนกว่า 6,000 คน
การวางโครงสร้างและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสในการกระจายสินค้าไปถึงมือประชากรชาวมุสลิมกว่า 1,960 ล้านคนซึ่งอยู่ในประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation – OIC) จำนวน 57 ประเทศ โดยได้ประสานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (TLSP) ให้วางระบบและร่างผัง Global Landscape ด้านโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมการจัดการคลังสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าไปยังประเทศปลายทางต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพื่อให้สินค้าฮาลาลเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคไทย โดยจะมีการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อตอบรับความต้องการผู้บริโภค อาทิ การสร้างคลังสินค้าฮาลาลหรือการสร้างศูนย์บริหารจัดการโลจิสติกส์ฮาลาลเพื่อเชื่อมโยงไปทั่วโลก โดยเบื้องต้นได้หารือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)ในการจัดหาเครื่องบินขนส่งสินค้าเที่ยวละประมาณ 100 ตัน เพื่อส่งออกสินค้าไปทั่วโลกโดยมีมูลค่าตลาดฮาลาลสูงถึง2ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งมีโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง”
“พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ผู้แทนหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องและสถาบันอาหารดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมที่นิยมบริโภคอาหารฮาลาลเพื่อขยายขอบข่ายการดำเนินงานในอนาคตให้ครอบคลุมประชากรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศ OIC โดยไปศึกษาว่าไทยจะส่งเสริมการเกษตรเพื่อแปรรูปส่งออกอาหารฮาลาลประเภทใดไปยังกลุ่มประเทศนี้ รวมถึงมีประเทศคู่แข่งและมีส่วนแบ่งตลาดอย่างไร โดยนำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่วมกับระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบัน เพื่อประเมินศักยภาพในการแข่งขันของไทย และไทยสามารถนำเข้าสินค้าอะไรจากประเทศกลุ่มนี้ได้”
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับประเด็นการตรวจรับรองระบบงานด้านฮาลาลของสินค้าอาหารไทยที่ส่งออกไป UAE ที่ผ่านมา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับ กรมปศุสัตว์และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้หารือ กับ หน่วยงาน Emirates Authority for Standardization and Metrology (ESMA) เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยัง UAE ได้ โดยได้เจรจาจนประสบความสำเร็จ ทำให้ UAE ให้การรับรองระบบงานฮาลาลของ สกอท. ส่งผลให้ไทยสามารถส่งสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็ง รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของสัตว์ปีกไปยัง UAE ได้แล้ว