ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจความเห็น ประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาด โควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ พึงพอใจการทำงานของ รัฐบาล โดยมีคนหนุน เพิ่มขึ้นจาก 36.2 เป็น 46.9 ขณะที่ กลุ่มคัดค้าน ลดลง จาก 26.6 เหลือเพียง 22.0
9 พ.ค. 63 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความสุขประชาชน กับ เสียงหนุน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่ และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,105 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 50.8 กังวลน้อยลงที่ตัวเองจะติดเชื้อโควิด-19 ร้อยละ 39.6 กังวลเหมือนเดิม และร้อยละ 9.6 กังวลมากขึ้น
เมื่อถามถึง ความสุขประชาชน ช่วงโควิด-19 พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ ร้อยละ 97.4 สุขในครอบครัว เมื่อเห็นทุกคนในครอบครัวรักกัน ดูแลกัน สุขทุกข์ร่วมกัน รองลงมาคือ ร้อยละ 94.1 สุขในชุมชน เมื่อเห็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดูแลกันของคนในชุมชน ร้อยละ 92.3 สุขเมื่อเห็นพลเมืองดี มีทัศนคติที่ดี มีวินัย ร้อยละ 91.4 สุขในสถาบัน เมื่อเห็นการช่วยเหลือดูแลประชาชนและเห็นคนไทยปกป้องเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ และร้อยละ 87.6 สุขเมื่อได้ทำงานที่มั่นคง มีช่องทางทำมาหากิน ไม่ขัดสน
นอกจากนี้ มาตรการที่จะทำให้สุขใจสุขกายของประชาชน ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.9 ระบุ มาตรการลดราคาสินค้าจำเป็น ของกิน ของใช้ รองลงมาคือ ร้อยละ 90.3 ระบุ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนลงอีก เพราะประชาชนทำตามมาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และร้อยละ 90.1 ระบุ มาตรการสร้างงาน หนุนอาชีพให้คนทำมาหากินได้ ไม่ขัดสน
ที่น่าสนใจคือ แนวโน้มฐานสนับสนุนของประชาชนจากจุดยืนทางการเมืองต่อรัฐบาลล่าสุด หลัง ตัวเลขผู้ติดเชื้อลด ผลสำรวจพบว่า คนสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.2 ช่วงขอมหาเศรษฐีช่วย มาอยู่ที่ร้อยละ 46.9 หลังยอดผู้ติดเชื้อลดลง ในขณะที่ กลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาลลดลงจาก ร้อยละ 26.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 22.0 และกลุ่มพลังเงียบอยู่ที่ร้อยละ 31.1 ซึ่งกลุ่มพลังเงียบยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวเสนอแนะให้รัฐบาลออกมาตรการใหม่ชื่อ “ฟรีสร้างอาชีพ” ทำคนไทยมีเบ็ดตกปลามากกว่าเอาปลามาให้ทานอย่างเดียวจึงเสนอให้ฟรีทุกอย่างที่จำเป็นต่อการทำมาหากิน เช่น ฟรีอินเทอร์เน็ตไฮสปีด ฟรีโปรแกรมทำธุรกิจ ฟรีที่ปรึกษา ฟรีเรียนออนไลน์ ฟรีพลังงานแสงอาทิตย์ ฟรีการตลาด และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในทางเศรษฐศาสตร์ ไม่มีของฟรีในโลก ทุกอย่างมีคนแบกภาระค่าใช้จ่ายในทุกกิจกรรม แต่ฟรีเหล่านี้เป็นตัวอย่างให้รัฐบาลคิด เข้าถึงหัวใจของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ต้องการแบมือขอเงินจากรัฐบาลอย่างเดียว พวกเขามีศักดิ์ศรีเกียรติภูมิแห่งตนเช่นกัน โดยสรุปรัฐบาลน่าจะฟรีทุกอย่างที่ทำให้ประชาชนประกอบสัมมาอาชีพไม่เป็นพิษต่อสังคมและตนเอง.