อัลมิรอซ โรงแรมฮาลาลระดับ 4 ดาว เปิดเป็นทางการเสาร์นี้ หลังทดลองเปิดให้บริการมาเกือบ 1 ปี ระบุ ลูกค้ากลุ่มมุสลิม อาเซียน-ตะวันออกลาง-ยุโรป-จีน ให้ความนิยม เตรียม ปรับอพาเมนต์เป็น โรงแรมรองรับลูกค้าระดับกลางลงล่าง
โรงแรมอัล มีรอซ (AL MEROZ) รามคำแหงซอย 5 ของกลุ่มธุรกิจทีเอสแฟมมิลี่กรุ๊ป ตระกูลมูลทรัพย์ ที่ได้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นฮาลาลโฮเต็ลระดับ 4 ดาวอย่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ หลังทดลองเปิดให้บริการมาเกือบ 1 ปี ได้รับความนิยมจากลูกค้า มุสลิมจากทั่วโลก มีลูกคาเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 70% ได้รับมาตรฐานเดอะ ลีดดิ้ง ฮาลาลโฮเต็ลจากองค์กร Gulf Halal ในดูไบ
นายรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมอัล มีรอซ (AL MEROZ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดมุสลิมเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก มีประชากรถึง 1.6 พันล้านคน คิดเป็น 23% ของสัดส่วนประชากรโลก และมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 2.2 พันล้านคนในปี 2030 คิดเป็น 26.4% ของจำนวนประชากรโลก ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพสูง ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังไม่มีสถานที่พัก ที่รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แบบฮาลาล 100%
“ผมทำธุรกิจอพาร์ตเมนต์และร้านอาหารโซเฟีย เป็นร้านอาหารฮาลาลที่เปิดกว่า 20 ปี และรับกรุ๊ปทัวร์มุสลิมมากว่า 10 ปีแล้ว เห็นศักยภาพของตลาด จึงได้ร่วมลงทุนกับพี่น้อง ด้วยงบ 1,000 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดิน เปิดธุรกิจฮาลาลโฮเต็ล 100% ในชื่อ Al Meroz ซึ่งมีความหมายว่า มรดก เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มมุสลิมและลูกค้าทั่วไป ใช้เวลาก่อสร้าง 2 เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อประมาณมีนาคม 2559”
โรงแรมอัล มีรอซ ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือล 5 ไร่ บนถนนรามคำแหงซอย 5 ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลมูลทรัพย์ ก่อสร้างเป็นตึกสูง 16 ชั้น มีห้องพัก 242 ห้อง เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องประชุมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่จุคนได้ 500-1,200 คน ห้องอาหาร 3 ห้อง ห้องละหมาด ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยมีพนักงานมุสลิมกว่า 60% ซึ่งจะบริหารงานโดย นายสัญญา แสงบุญ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป และคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี
“ที่ผ่านมาโรงแรมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มมุสลิม ทั้งในประเทศไทย อาเซียน (มาเลเซีย-อินโดนีเซีย) ตะวันออกกลาง มุสลิมจากยุโรป และล่าสุดลูกค้ามุสลิมและไม่่มุสลิมจากจีนมีอัตราการเข้าพักสูง และขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดิอารเบียกำลังจะยกระดับขึ้น จะช่วยให้ลูกค้าจากซาอุฯ เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น” นายรอศักดิ์ กล่าว
นายรอศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผยขยายธุรกิจโรงแรม โดยการรีโนเวทอพาทเมนต์ ซึ่งตั้งอยู่ในซอย 5ถนนรามคำแหง ให้เป็นที่พักรายวัน รองรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถพักในอัลมิรอชได้ และกำลังจะสร้องช้อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็กๆบนพื้นที่ตรงกันข้ามกับโรงแรม เพื่อสนองตอบลูกค้าของโรงแรมให้มีสถานที่ซื้อสินค้าและบริการ และจะทำอาคารลานจอดจอด เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้
“มีการพูดถึงว่า จะทำให้ซอย 5 เป็นถนนคนเดิน เพื่อให้สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าฮาลาลที่หลากหลาย ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนว่า จะดำเนินการได้แค่ไหนอย่างไร เพราะซอย 5 เป็นที่ดินของตระกูลมูลทรัพย์ และได้มีการกันที่ดินสำหรับการสร้างบ้านของแต่ละครอบไว้แล้ว ที่เหลือเป็นอพาทเมนต์ ซึ่งง่ายที่จะดำเนินการ ” นายรอศักดิ์ กล่าวถึงธุรกิจใหม่ของเครือ ทีเอสแฟมมิลี่กรุ๊ป
ด้านนายสัญญา แสงบุญ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัล มีรอซ เผยว่า โรงแรมเปิดซอฟต์โอเพนนิ่งปลายพฤศจิกายน ขณะนี้มีอัตราผู้เข้าพัก 65% มีสัดส่วนลูกค้าจากยุโรป 50% และเอเชีย 50% ซึ่งรวมถึงตลาดมุสลิมระดับไฮเอนด์ ที่มียอดใช้จ่ายราว 10,000 บาทต่อวัน กลุ่มลูกค้าทั้งหมดนี้มาจากการขายผ่านเอเย่นต์ 30% ที่เหลือเป็นทางออนไลน์และกลุ่มคอร์ปอเรต คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยได้ 80%
“ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ยอดเข้าพักมากกว่า 90% บางวันเกือบ 100% สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าได้ให้ความเชื่อมั่นต่อโรงแรมมากพอสมควรแล้ว แต่เราก็ต้องทำตลาดต่อไป เพื่อเป็นการตอกย้ำลูกค้า โดยปีนี้ได้จัดงบการตลาด 50 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อโปรโมทคอนเซ็ปต์ฮาลาลให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและต่างประเทศ โดยในเมืองไทย เรายังไม่มีคู่แข่งฮาลาลโฮเต็ลที่เป็นระดับ 4 ดาว ส่วนคู่แข่งต่างประเทศ คือ เกาหลี และญี่ปุ่น โดยทั้งสองประเทศกำลังมีความตื่นตัวในฮาลาล มีโปรเจกต์เกี่ยวกับฮาลาลราว 40-50 แห่ง” นายสัญญา กล่าว
แนวทางการตลาดของโรงแรม เน้นเรื่องของโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและร่วมงานเทรดโชว์ที่เบอร์ลิน ดูไบ และลอนดอน โดยกลุ่มเป้าหมายลูกค้ามุสลิมและต่างศาสนิกชนในแถบเอเซีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมถึงแถบตะวันออกกลางและยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ รวมถึง กลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เป็นมุสลิมซึ่งมีประมาณ 30 ล้านคน ลูกค้ากลุ่มสถานทูต ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าที่มาเป็นลูกค้าหลักของโรงแรมคือ กลุ่มลูกค้านักกีฬา อาทิ ฟุตบอลที่จะมีการแข่งขันคัดเลือกฟุตบอลโลกระหว่างไทยกับซาอุฯ มีกลุ่มนักกีฬามุสลิมเป็นหลัก เพราะไม่ต้องห่างเรื่องอาหาร
โรงแรมอัลมิรอซ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ โดยในช่วงเช้าเวลา 10.00 น.มีพิธีทางศาสนาอิสลาม มีจุฬาราชมนตรี เป็นประธาน ช่วงค่ำ มีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน