1สัปดาห์รอมฎอน มุสลิมให้ความร่วมมือดี ตารอเวี๊ยะที่บ้าน ที่มัสยิด 4-5คน

ผ่านรอมฎอนมาได้เกือบ 1 สัปดาห์ ต้องยอมรับว่ามาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ดำเนินไปอย่างเคร่งครัดตามประกาศของจุฬาราชมนตรี ขณะที่พี่น้องในพื้นที่ชายแดนใต้ก็ให้ความร่วมมือกันมากพอสมควร อย่างเช่นการ “ละหมาดตะรอเวียะฮ์” ซึ่งโดยหลักแล้วต้องไปละหมาดร่วมกันที่มัสยิดในช่วงค่ำ เฉพาะในเดือนรอมฎอนเท่านั้น แต่ปีนี้ก็มีข้อแนะนำให้ละหมาดที่บ้าน

สำนักข่าว Isranews รายงานว่า จากการตระเวนดูบรรยากาศในยามค่ำคืน พบว่าพี่น้องมุสลิมก็ให้ความร่วมมือ ประกอบพิธีละหมาดตะรอเวียะฮ์ที่บ้าน โดยผู้นำครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสามีหรือพ่อ ก็จะนำภรรยาและลูกๆ ทำละหมาด

ส่วนที่มัสยิดบางแห่งก็มีมุสลิมไปละหมาดบ้างเหมือนกัน แต่จำกัดจำนวนคนแค่ 4-5 คน และมีการจัดให้เว้นระยะห่างทางกายภาพ โดยสาเหตุที่ยังอนุญาตให้ละหมาดที่มัสยิดได้บ้าง ก็เป็นความเชื่อของพี่น้องมุสลิม เพื่อให้มัสยิดมีชีวิต…

อีกด้านหนึ่ง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ธิรา แดหวา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รองผอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้เข้าพบผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องในโอกาสเดือนรอมฏอน ปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค และอินทผลัมเพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนชาวไทยมุสลิมสำหรับละศีลอด

พล.ท.พรศักดิ์ หรือ “บิ๊กเดฟ” กล่าวว่า ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 และมีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ จึงอยากให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พร้อมทั้งรักษาระยะห่างทางสังคมและทางกายภาพด้วย

“ต้องขอบคุณคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่ได้สร้างความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการขอความร่วมมืองดเว้นการละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด การงดละหมาดอื่นๆ ที่มัสยิด แล้วให้ปฏิบัติศาสนกิจที่บ้านแทน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญช่วงรอมฎอนอยากให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามประกาศของจุฬาราชมนตรีที่ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันตนเองและคนใกล้ชิดจากโรคระบาด” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

และว่าเนื่องในห้วงเดือนรอมฎอน จึงได้ถือโอกาสมาพบปะให้กำลังใจคณะกรรมการอิสลามฯ ให้ผ่านพ้นวิกฤติแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่คณะกรรมการอิสลามฯ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังถือว่าน่าเป็นห่วง

ด้าน นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 โดยปัจจุบันประชาชนมีความตระหนักและมีการป้องกันตนเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฏอนได้มีแจ้งให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติตน อย่างการละหมาดตะรอเวียะฮ์ จากที่ละหมาดที่มัสยิด ก็จะเปลี่ยนไปละหมาดที่บ้าน เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเขื้อไวรัส

ขณะที่ นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19 จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนถึงมาตรการในการปฏิบัติตัวในห้วงเดือนรอมฎอน ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการอิสลามฯ ก็จะเน้นสร้างความเข้าใจผ่านผู้นำศาสนาในแต่ละพื้นที่ ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการปฏิบัติศาสนกิจ โดยจะงดทุกกิจกรรมที่มัสยิด รวมถึงการจำหน่ายอาหารในพื้นที่ต่างๆ ก็ให้มีการเว้นระยะห่าง และปฏิบัติตามที่หน่วยงานรัฐได้กำหนด

‘ถือว่าทุกคนมีความเข้าใจ จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีความห่วงใยพี่น้องมุสลิม และคอยอำนวยความสะดวกให้พี่น้องมุสลิมในพื้นที่สามารถปฏิบัติศาสนกิจตามหลักอย่างครบถ้วน แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสก็ตาม” นายแวดือราแม กล่าว

เรื่องราวดีๆ ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในเดือนแห่งบุญ อย่างที่ อ.เบตง จ.ยะลา นายสุธรรม บัวแก่น ประธานชุมชนสวนผัก พร้อมคณะกรรมการชุมชน ได้มอบอินทผาลัมให้กับพี่น้องชาวไทยมุสลิมในชุมชน เนื่องในโอกาสเดือนรอมฏอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 เพื่อใช้ในการละศีลอดที่บ้านกับครอบครัว

สำหรับอินทผลัมนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นผลไม้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ชาวมุสลิมนิยมรับประทานเพื่อละศีลอดในแต่ละวัน เนื่องจากส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าการดื่มน้ำทันทีที่ละศีลอด โดยน้ำตาลจากอินทผลัมจะช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากที่อดอาหารมาตลอดทั้งวัน

Cr.สำนักข่าวอิศรา