ข่าวมาแบบงง! “สนธิรัตน์”ยันไม่มีใครบอกให้ลาออก

จากกรณีกระแสข่าวทางด้านการเมืองเรื่องความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐเรื่องของการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค จาก นายอุตตม สาวนายน เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกทั้งยังมีกระแสข่าวเรื่องของการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งเมื่อวานนี้ (27 เมษายน 2563) ทาง นายอุตตม สาวนายน ก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ โดยระบุว่าตนเองก็ได้ยินมาเช่นนั้นจริง ได้มีการติดต่อในทำนองนั้น

ซึ่งวันนี้รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ประจำวันที่ 28 เมษายน 2563 ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ / อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นร้อนทางด้านการเมืองต่อเนื่อง ที่หลายคนจับตา และให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เรื่องของ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เลขาธิการพรรค ตกเป็นข่าวว่าจะโดนปลดเช่นกัน ทางรายการจึงได้โฟนอินสัมภาษณ์สอบถามข้อเท็จจริงดังนี้

-มีสายด่วนสะกิดให้ลาออกหรือไม่ ?

-ของผมไม่มีใครโทรมา ของผมไม่มีใครสะกิดโทรมาให้ลาออกจากเลขาพรรค

ในพรรคพลังประชารัฐมีการพูดกันมั้ย เรื่องที่จะเปลี่ยนเลขาพรรค ?

-ต้องเรียนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาแบบ งง ๆ อยู่ดีดีก็โผล่เป็นเรื่องราวขึ้นมาซึ่งผมคิดว่าคนในพรรคก็สับสน ในกระแสข่าวทำให้คนสับสนว่าเรื่องนี้จริง หรือ ไม่จริง ต้องเรียนมีความสับสนพอสมควรในรายละเอียดทุกคนก็สับสนกันอยู่

-แต่เรื่องที่จะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคในพรรค ก็น่าจะจริง เพราะเมื่อวาน ดร.อุตตม ก็ให้สัมภาษณ์ในเชิงยอมรับ และยังบอกอีกว่ามีกรรมการบริหารของพรรคโทรมาบอกว่า ให้หัวหน้าพรรคเลขาพรรคลาออก แต่ทำไมข้อความดังว่า ทำไมถึงมาไม่ถึงตัวคุณสนธิรัตน์ ?

-ก็ต้องเรียนว่า เมื่อสักครู่คุณดนัยถามว่า มีใครติดต่อผมมั้ย ว่าให้ลาออกจากเลขาธิการพรรคก็ต้องเรียนว่าไม่มี แต่ประเด็นของ ดร.อุตตม ได้เล่าให้ผมฟังว่ามีคนติดต่อว่าจะให้ลาออกอันนี้ต้องดูประเด็นกัน

-ในซีกของ ดร.อุตตมมีจริง คน hot line เข้ามาขอให้ออก แต่ในส่วนของเลขาพรรค คุณสนธิรัตน์ ไม่มี ?

-ในแง่ของผมไม่มีใครติดต่อเข้ามาอย่างนั้น

-แต่ในทางการเมือง ทุกคนก็รู้ว่า อุตตม สนธิรัตน์แพคคู่ ดังนั้นถ้าถูกแยกคู่ คนหนึ่งต้องไป อีกคนหนึ่งจะอยู่อย่างไร ในทางการเมือง ?

-เรื่องนี้ผมคิดว่า ในความรู้สึกผมคือเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในภาวะเรื่องเหล่านี้ แม้กระทั่งข้ามพรรคก็ควรสมานฉันทน์กัน ในช่วงสถานการณ์อย่างนี้ผมไม่อยากให้เราลงลึกกันไป เพราะว่าสังคมต้องการ การที่ช่วยกันแก้ปัญหา กับปัญหาที่เราก็ถือว่ารุนแรงมาก ผมไม่อยากให้ลงลึกลงไปถึงเรื่องเหล่านี้ในเวลาเหล่านี้เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาคุยกันเรื่องนี้ ไม่อยากให้การวิเคราะห์มันลากยาวเกินไปผลกระทบอะไรต่างๆ พอโควิดคลี่คลายจริง ก็ค่อยมานั่งพูดคุยกัน