รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม แรงงานต่างด้วย และ บุคคลกรทางการแพทย์ รพ.ท่าฉลอม สมุทรสาคร พอใจระบบคัดกรอง ป้องกัน โควิด-19 และยืนยัน การเข้าสู่ CPTPP ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ชูนโยบายไทย คือ มหาอำนาจ สาธารณสุข
วันที่ 27 เม.ย.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหารกระทรวง เดินทางตรวจเยี่ยมระบบคัดกรองโรคเชิงรุก สำหรับแรงงานต่างด้าว ที่ โรงพยาบาลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนเดินทางไปพบอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว(อสต.) และมอบเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่บ้านเอื้ออาทร การเคหะท่าจีน
นายอนุทิน มอบนโยบายการทำงานว่าการตรวจคัดกรองกลุ่มแรงงานต่างด้าวในสถานการณ์ โควิด-19 ต้องรุกไปให้ถึงต้นตอ ต้องเร่งคุมโรค สร้างความปลอดภัยสูงสุด วันนี้ เราได้เห็นแล้วว่า แรงงานต่างด้าวอยู่อย่างไร มีการเว้นระยะห่างหรือไม่ หากแรงงานต่างด้าวติดเชื้อ ต้องมั่นใจว่าจะมี สถานที่รักษาพยาบาลได้อย่างครแน่นอน โดยไม่กระทบกับการให้บริการแก่คนไทย สำหรับภาพรวมทั่วไปต่อระบบการคัดกรองพบว่า มีประสิทธิภาพ ซึ่งมาจากการทุ่มเททำงานของทุกคน ที่ผ่านมาได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปให้ความรู้กับผู้ประกอบการคนไทย และแรงงานต่างด้าวว่า
จากนี้ ต้องปฏิบัติตนอย่างไร หน้ากากผ้าต้องใช้ ต้องหมั่นล้างมือ ต้องเว้นระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข แม้จะมีผลกระทบต่อการทำงาน ทั้งคนต่างด้าวแน่นอน และคนไทยด้วย แต่เป็นมาตรการที่จำเป็นต้องนำมาใช้ ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้ให้กำลังใจ บุคคลากรทางการแพทย์ ของ รพ.ท่าฉลอม ทั้งแพทย์และพยาบาล ที่ทุ่มเทการทำงานให้ควงามช่วยเหลือประชาชนด้วยดีในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้ไทยเข้าร่วมภาคีข้อตกลงความเข้าใจและความคืบหน้าเพื่อหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก หรือ CPTPP นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีสาธารณสุข จำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ ด้านการสาธารณสุขของคนไทยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการเข้าถึงยา ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาว่า หากเข้าร่วมไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นตามมา และถ้ามันทำให้ไทยเข้าถึงยาได้ยากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเเรื่องนี้จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ระบบสาธารณสุขไทย ต้องดูแลให้ดี ประเทศอื่น อาจขึ้นชื่อว่าเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจ แต่สำหรับประเทศไทย เราคือมหาอำนาจด้านการสาธารณสุข และเราต้องรักษาจุดแข็งตรงนี้ต่อไป