เตรียมผ่อนปรนเปิดกิจการ บางประเภท ห้าง-ตลาดนัด-ร้านตัดผม ประเมินผลทุก 14 วัน นายกฯ ย้ำ สาธารณสุขนำเศรษฐกิจ ขณะ สมช. อ้างผลโพล ปชช.70% เห็นชอบคงเคอร์ฟิว
วันที่ 27 เม.ย.63 รายงานข่าวจากที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ระบุว่า หลังจากมีมติให้ขยาย พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯต่อไปอีก1เดือน โดยให้แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พิจารณาว่าจะมีมาตรการา ผ่อนปรนอย่างไร เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบมากเกินไป โดยเริ่มจากกิจการสีขาวไปก่อน และให้เปิดบริการได้ตามปกติในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. หรือ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.เป็นต้นไป เช่น ร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม แล ะห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะมีรูปแบบกำหนดให้ว่า หากเปิดกิจการแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง
โดยจะแบ่งเป็นประเภทกิจการ เป็นการทยอยปลดล็อกไปทีละขั้น ซึ่งจะมีการประเมินผลทุก 14 วัน ขณะที่สถานบันเทิงจะพิจารณาหลังจากกลุ่มที่เสี่ยงน้อยไปแล้ว โดยจะทยอยเสี่ยงน้อยที่สุด เสี่ยงปานกลาง ไปจนถึงกลุ่มที่เสี่ยงมาก โดยกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย ที่จะดูแลทั่วประเทศ หากจังหวัดไหนผ่อนปรนแล้ว และประเมินผลไม่ผ่านก็จะกลับมาเข้มอีก ด้านมาตรการเคอร์ฟิว ในแต่ละพื้นที่ให้ยึดตามประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินคือเวลา 22.00 น.-04.00 น.
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำเรื่อง สาธารณสุขนำเศรษฐกิจ โดยให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอย่างนี้ แต่ก็เข้าใจถึงปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ จึงผ่อนปรนมาตรการลง ในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ไม่ถึง 300 คน จากจำนวน 2,000 กว่าคน จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้รักษาหายใกล้เคียงกัน ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้แต่ต้องไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม ได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปช่วยดูเรื่องการจัดระเบียบการแจกสิ่งของต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการ ให้มีการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ
สำหรับมาตรการเคอร์ฟิว ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานและการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า 70% ขึ้นไป เห็นด้วยให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว โดยเห็นชอบให้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 30 วัน