ผบ.พล.ร.5 ไฟเขียว เบิกตัว “จ่าจำปา”กลับตรังไปเยี่ยมแม่ เผย ผบ.ทบ. เห็นใจ สั่งดูแลให้ดีที่สุด ด้าน มทภ.4 รอผลกก.พิจารณาลดโทษหรือไม่ โดยจะไม่พิจารณาตามกระแสสังคม ย้ำคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งที่ กำลังพลทุกระดับชั้น ต้องยึดถือ โดยไม่มีข้อยกเว้น
วันที่ 20 เม.ย.63 เวลา 10.00 น. พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) สั่งการให้พ.อ.อภินันท์ แจ่มแจ้ง เสนาธิการพล.ร.5 เบิกตัวจ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ตำแหน่งทหารสื่อสารประจำหมวดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 กองพลทหารราบที่ 5 (ร้อย.ลว.ไกล.5 พล.ร.5) ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางกลับไปเยี่ยมมารดาของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ ภายหลังจากถูกลงโทษสั่งขังเป็นเวลา 45 วันพร้อมงดเบี้ยบำเหน็จ จากเหตุการณ์ที่มีการโต้เถียงกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมทั้งยังได้นำพ.ท.น.พ.เนาวพงษ์ พงษ์เจริญชัย ผบ.พัน.สร.5 และทีมพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายเทพสตรีศรีสุนทรทำการตรวจสุขภาพและจัดยาเวชภัณฑ์ รวมถึงพูดคุยให้กำลังใจ ที่บ้านพักของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ในอ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยจ.ส.อ.พีรศักดิ์ได้สวมกอดมารดาด้วยความคิดถึง
ทั้งนี้พล.ต.ศานติ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้สั่งการให้พ.อ.อภินันท์ เบิกตัวจ.ส.อ.พีรศักดิ์กลับไปเยี่ยมมารดาและภรรยาที่บ้านพักในจ.ตรัง พร้อมทั้งจัดชุดแพทย์ โรงพยาบาลค่ายเทพสตรีศรีสุนทรไปตรวจร่างกายมารดาด้วย พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ซึ่งก็ได้พบทั้งมารดาและภรรยาจ.ส.อ.พีรศักดิ์ รวมถึงคนดูแลมารดา โดยทุกคนก็มีความเข้าใจดี และสภาพจิตใจของทุกคนที่ดีขึ้นมาก ในส่วนของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ก็ยอมรับว่ามีความผิดทางวินัยจริง เนื่องจากไปพูดเสียงดังใส่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า จะมีการทบทวนคำสั่งการลงโทษ จ.ส.อ.พีรศักดิ์หรือไม่ เพราะกระแสสังคมโจมตีว่ารุนแรงเกินไป พล.ต.ศานติ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมการ ซึ่งก็เป็นระดับผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ในพล.ร.5 เป็นผู้พิจารณา ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่คดีอาญาที่มีความผิดรุนแรง ซึ่งความผิดทางวินัยสามารถลดโทษหรือเพิ่มโทษก็ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณา แต่ทั้งนี้ต้องมองว่าการที่มีความผิดทางวินัยนั้น เนื่องจากทหารทุกนายต้องปฏิบัติตามนโยบายของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ว่าในช่วงที่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นั้น ทหารต้องเป็นแบบอย่างให้ประชาชน และต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ซึ่งด่านที่จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ไปเจอกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรังนั้น เป็นด่านที่เปิดให้เฉพาะคนในพื้นที่จ.ตรังผ่านเข้าออกเท่านั้น แต่จ.ส.อ.พีรศักดิ์สามารถไปผ่านเข้าออกด่านอื่นได้ โดยทางพล.ร.5 มีหนังสือยืนยันให้เรียบร้อยตามขั้นตอน
“ต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารนั้นเรามีระเบียบและวินัย เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน เราจะไม่ใช่กระแสสังคมมาเป็นตัวกำหนด ต้องยอมรับว่าจ.ส.อ.พีรศักดิ์เองทำผิดคำสั่งผบ.ทบ. ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าพูดเสียงดังจริง ทั้งนี้หากจ.ส.อ.พีรศักดิ์สำนึกผิดแล้วก็อาจจะลดโทษลงให้ได้ เพราะไม่ใช่ความผิดคดีอาญา แต่วินัยก็คือวินัย และการดูแลก็คือการดูแลที่เราต้องทำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามผบ.ทบ.และพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็มีความเข้าใจในเหตุการณ์นี้ โดยผบ.ทบ.ชมเชยว่าพล.ร.5 ทำถูกต้องแล้ว และก็เห็นใจจ.ส.อ.พีรศักดิ์ พร้อมเน้นย้ำว่าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่การช่วยเหลือก็ต้องเป็นไปตามระบบ” พล.ต.ศานติ กล่าว
ขณะที่พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการทบทวนคำสั่งลงโทษ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ว่า ขอรอผลการสอบสวนก่อนว่าจะปรับลดโทษอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากเป็นความผิดทางวินัยทหาร ไม่ใช่ความผิดทางอาญา ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา แต่ยืนยันว่าเราจะไม่พิจารณาตามกระแสสังคมกดดัน แม้ว่าจ.ส.อ.พีรศักดิ์จะมีเหตุผลที่จะขอเข้าพื้นที่ แต่ไม่ควรไปโต้เถียงหรือแสดงกิริยาท่าทางเช่นนั้น เนื่องจากเป็นนโยบายของพล.อ.อภิรัชต์ ได้สั่งการภายหลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในแต่ละด่านตรวจ และให้ปฏิบัติตามกฎของพื้นที่นั้นๆ
“ผมได้เห็นคลิปฯแล้ว แม้จะมีเหตุผลในการขอเข้าพื้นที่ แต่ก็ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียง หรือแสดงกิริยากับผู้ว่าฯเช่นนั้น ตอนนี้เข้าใจว่าสังคมเห็นใจ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ แต่วินัยทหารเรื่องการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ และใช้บังคับกำลังพลทุกระดับชั้น ไม่มียกเว้น เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาจะมีดุลยพินิจว่ามีเหตุผลสมควรต่อการลดโทษหรือไม่” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว