ในขณะที่ ‘จีน’ กำลังเพียรพยายามหาหลักฐาน มียืนยันว่า ‘มฤตยูโคโรน่า2019’ เป็นแผนของ CIA ที่ผลิตเชื้อไวรัสร้ายนี้ขึ้นมา เพื่อทำลายจีนนั้น อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์ ในโลกมุสลิม ที่ติดตามการเคลื่อนไหวของขบวนการอิสลาม มองว่า เป็นแผนการหนึ่งที่ CIAจับมือกับ มอสสาด และกลุ่มฮินดูหัวรุนแรง RSS เพื่อทำลาย ‘ขบวนการอิสลาม’ โดยเฉพาะขบวนการดะวะห์ในอินเดีย โดยขนานนามว่า Bio Crusade War หรือสงครามชีวภาพครูเสด
‘ครูเสด’ ใช้เรียกสงคราม ที่ชาวคริสต์ในยุโรป บุกเข้ามาโจมตี’มุสลิม’ เพื่อยึดครองดินแดนเยรูซาเล็ม เป็นสงครามยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 198 ปี หรือ 2 ศตวรรษ ผลัดกันแพ้ผลักกันชนะหลายครั้ง และสุดท้ายยุโรปก็หอบเสื่อหมอนกลับยุโรป แม้ยาวนานมาเป็นพันปี แต่าเป็นบาดแผลที่แตกสะเก็ดอยู่ในใจมุสลิมและชาวยุโรปที่ศึกษาเรื่องนี้ กลายเป็น ‘การปะทะทางวัฒนธรรม’ ระหว่างตะวันออกและตะวันตก ของศ. แซมูเอล ฮันติงตัน
อย่างไรก็ตาม สงครามครูเสดภาค 2 ยังไม่เกิดขึ้นเป็นสงครามขนาดใหญ่ แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดสงครามในหลายๆครั้ง มีเพียงสงครามตัวแทนที่เกิดขึ้นมาตลอดในหน้าประวัติศาสตร์
จนมาถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 แม้จะเริ่มต้นในประเทศจีน แต่นักวิเคราะห์ในโลกมุสลิมได้นำปรากฏการณ์ในหลายประเทศอย่างอิหร่าน และอินเดีย มาประมวลว่า มีส่วนที่เป็นสงครามครูเสด โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Crusade War)
ไวรัสโควิด-19 มีต้นตอการการแพร่ระบาดแม้จะเกิดที่อู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีน ซึ่งจีนพยายามระบุว่า สหรัฐฯเป็นผู้ส่งออกมายังอู่ฮั่น โดยทหารสหรัฐฯ มาแข่งกีฬาทหารโลก เมื่อต้นเดือนตุลาคม โดยยกคำชี้แจงผู้อำนวยการควบคุมโรคติดต่อต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส ยอมรับว่า ในปี 2019 มีชาวสหรัฐฯติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เสียชีวิด 14,000 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วย มาเป็นประเด็นในการตอบโต้สหรัฐฯ
นักวิเคราะห์สถานการณ์โลก มองว่า กลไกการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะมีอิทธิพลของชาวยิวกำกับอยู่ โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศ ที่นักธุรกิจสหรัฐฯ จะเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ แน่นอนว่าการเติบโตของจีนจะไปบั่นทอนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้ด้อยลง ความเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียว จะถดถอยลงไป
จะเห็นว่าเส้นทางการระบาดของไวรัส จากจีนพุ่งเป้าไปยังอิตาลี ซึ่งมีสำนักวาติกันตั้งอยู่ เหมือนหัวใจของคริสตศาสนา และพุ่งเป้าอย่างรุนแรงไปยังอิหร่าน ที่ถือว่า เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐฯและอิสราเอลมายาวนาน จุดนี้ ถูกมองว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิด ระหว่างCIAของสหรัฐฯและมอสสาดของอิสราเอล
นักวิเคราะห์การเมืองในเอเชียใต้ ยังมองว่า ขบวนนี้ถูกนำไปใช้ในอินเดียด้วย ด้วยเป้าหมายทำลายขบวนการดะวะห์ตับลีกที่มีพลังแข็งแกร่งในอินเดีย โดยร่วมมือกับรัฐบาลพรรคฮินดูหัวรุนแรงนเรนทรา โมดี โดยมุสลิมในอินเดียประมาณ 201 ล้านคนนั้น สังกัดดะวะห์ตับลีฆ มากถึง 20-30% หรือมากกกว่า 50 ล้านคน
ดะวะห์ตับลีฆสายนิซัมมุดดีน ก่อตั้งโดยเชื้อสายอบูบัก(รด.) คอลีฟะห์คนแรกของอิสลาม หลังการเสียชีวิตของนบีมูฮัมหมัด(ซล.) คนเหล่านี้ แตกกระสานซ่านเซ็นมาจากแบกแดด หลังกองทัพมองโกลบุกโจมตีแบกแดดจนล่มสลาย ส่วนหนึ่งมาปักหลังในเอเชียใต้ โดยแนวทางขับเคลื่อนของดะวะห์นิซัมมุดดีน เป้าหมายหนึ่งก็เพื่อฟื้นความเป็นคอลิฟะห์ขึ้นมา แต่กับมวลชนระดับล่าง จะไม่กระจายแนวคิดนี้ แต่เน้นการรวมตัวทำอิบาดะห์ การศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์
การเชื่อในความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ เหมือนกับเชื่อในอภินิหารที่อัลเลาะฮ์ จะดลบันดาลทุกสิ่งให้ได้ เป็นสิ่งที่ CIA หรือมอสสาด ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง จึงมีการปล่อยชุดแนวคิด หลายชุดออกมา ที่จะแสดงถึงอภินิหาร กรณีที่เกิดที่อู่ฮั่น จะปล่อยข้อมูล มีชาวจีนไปทำร้าหรือข่มขืนหญิงมุสลิมอุยกู อัลเลาะฮ์จึงลงโทษ หรือรัฐบาลจีนรังแกมุสลิมอุยกู อัลเลาะฮ์จึงลงโทษ และสร้างความโดดเด่นของความเป็นมุสลิม เช่น มุสลิมกินอาหารฮาลาลจึงไม่ติดเชื้อโควิด หรือชาวจีน 200-300 คนเข้ารับอิสลาม เพราะอิสลามไม่ติดเชื้อโควิด เป็นต้น
การปล่อยชุดความคิดนี้ออกมา ทำให้มุสลิมโดยเฉพาะในสายดะวะห์จะเชือถือ เพราะยึดถือในอภินิหาร คิดว่า อัลเลาะฮ์จะปกป้องคุ้มครอง จึงกลายเป็นคำพูด ‘กลัวอัลเลาะฮ์ ไม่กลัวโควิด’ โควิดจะกลัวญามาอัตตับลีก ซึ่งจะส่วนทางกับเหตุและผล ตามกฎแห่งสภาวะ ที่อัลเลาะฮ์กำหนดเชื้อโรคและกำหนดยารักษา และให้มนุษย์ป้องกันและรักษา ด้วยเหตุนี้ แหล่งรวมตัวกันของมุสลิมจึงเป็นแหล่งแพร่เชื้อเป็นอย่างดี
จึงเป็นที่มาของการแพร่เชื้อที่นิซัมมุดดีน และมีการเข้าไปปิดศูนย์ใหญ่ของดะวะห์ และตามจับกุมผู้นำสูงสุด และระดับรองๆลงมา พร้อมทั้งการควบคุมอย่างใกล้ชิดในการออกดะวะห์ เป็นการขุดรากถอนโคนดะวะห์ตับลีฆ ตามที่นเรนทรา โมดี ต้องการย่อยสลายมุสลิม เหมือนที่สเปนขับไล่มุสลิมออกจากยุโรป หลังจากปกครองยาวนาน 800 ปี
ข้อมูลเหล่านี้ อาจารย์ที่ไปศึกษาอินเดียได้รับฟังมาตั้งแต่เป็นนักศึกษา 20-30 ปีก่อน แผนการของสายฮินดูหัวรุนแรง แม้ตอนนี้พรรคคองเกรส จะครองอำนาจอยู่ แต่แนวคิดเกิดขึ้นมานาน ที่ต้องการย่อยสลายมุสลิมโดนยึดสเปนเป็นโมเดล เมื่อศตวรรษที่16 อาณาจักรสเปนได้ขับไล่มุสลิมออกจากสเปนหลังจากครองอำนาจมายาวนาน ที่อินเดียสภาพใกล้เคียงกัน 800 ปีก่อนมุสลิมเข้ามายึดอำนาจและปกครองอินเดียมายาวนาน จึงมีแผนการสลายมุสลิม
เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นการสร้าวสถานการณ์ให้เกิดขึ้นหรืออาศัยสถานการณ์ก็ตามแต่ รัฐบาลโมดี จึงเข้าไปจัดการสลายกลุ่มดะวะห์ ที่เป็นกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุดในอินเดีย โดยความร่วมมือของCIA และมอสสาด ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ นเรทรา โมดี
จึงมีการขนานนามว่า สงครามชีวภาพครูเสด โดยตัวละครเปลี่ยนจาก พวกครูเสดกับมุสลิม มาเป็นฮินดูกับมุสลิม โดยมีCIA และมอสสาดหนุนหลัง
เป็นศึกที่หนักหน่วงมากของมุสลิม โดยเฉพาะสายดะวะห์ในอินเดีย หลังจากก่อนหน้านี้ มีปัญหาเรื่องการกีดกันสัญชาติจนกลายเป็นการจราจล ต้องมาเจอศึกหนัก ที่เกิดขึ้นจากภายในของตัวเอง การศรัทธาที่สุดโต่ง กำลังนำสายดะวะห์ไปสู่ความยากลำบาก