ในหลายๆศาสนามักจะมีกลุ่มใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง คนศรัทธามาก และได้นับความนิยมมากเกิดขึ้นมา และดำรงอยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และก็ดับหายไป แบบสิ้นเชิงเหลือความยิ่งใหญ่ที่เคยมีเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วไม่หวนคืนกลับมาอีก
ปลายทางของกลุ่มชน ลัทธิที่เป็นองค์กรเฉพาะกลุ่มที่มีในศาสนาของประเทศในเอเชีย
บทความโดย นพ.อสิ มะหะมัดยังกี
ตำรวจไล่ล่า’ผู้นำดะวะห์อินเดีย’ ปลุกระดมศิษย์ต้านคำสั่งรัฐ’ปิดมัสยิด’หนีไวรัส
ในหลายๆศาสนามักจะมีกลุ่มใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง คนศรัทธามาก และได้นับความนิยมมากเกิดขึ้นมา และดำรงอยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และก็ดับหายไป แบบสิ้นเชิงเหลือความยิ่งใหญ่ที่เคยมีเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้วไม่หวนคืนกลับมาอีก
ยกตัวอย่าง เช่น อัรกอมในมาเลเซีย เคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดมีสาวกนับหลายๆหมื่นถึงแสนคน มีเงินไหลเวียนในกลุ่มเป็นแสนล้านบาท มีอิทธิพลในประเทศมากจนรัฐบาลมาเลเซียในสมัยนั้นต้องหวั่นไหวและจับตาดูอยู่อ่างใกล้ชิดแต่ในที่สุดด้วยความผิดพลาดบางประการก็ทำให้รัฐบาลมาฮาเดร์สามารถหาข้ออ้างยุบกลุ่ม ห้ามการเคลื่อนไหวและกักบริเวณผู้นำสูงสุดไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ไม่สามารถทำกิจกรรมของกลุ่มได้ในที่สุดอัรกอมก็ได้หายไปตามกาลเวลาแบบไม่เหลือหลักฐานใดใดให้เห็นอีกในปัจจุบัน
อีกกลุ่มก็คือ กลุ่มหรือลัทธิธรรมกายในประเทศไทย ซึ่งอ้างว่าเป็นกลุ่มหนึ่งในศาสนาพุทธ แต่ชาวพุทธจำนวนมากในประเทศไทยเองกลับไม่ยอมรับ เนื่องจากมีพฤติกรรมบางอย่างที่ผิดแปลก เช่น การขอบริจาค มีการดำเนินงานในรูปแบบเดียวกับการขายตรง และมีความไม่ตรงไปตรงมาของการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินบางอย่าง ทำให้ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ได้เข้าไปปิดวัดธรรมกายและห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆจนถึงปัจจุบัน และผู้นำสูงสุดของธรรมกายก็ได้หลบหนีออกจากสำนักและล่องหนไปจนถึงปัจจุบัน
และเหตุผลที่รัฐบาลสามารถมีข้ออ้างเพื่อล้มล้างหรือปิด หรือห้ามไม่ให้มีกลุ่มเหล่านี้ได้ ก็เพราะความผิดพลาดของผู้นำกลุ่มทั้งสองกรณี
กรณีอัรกอม โดนข้อกล่าวหาว่าผู้นำอ้างในสิ่งที่ไม่เป็นจริง เพื่อให้สาวกหลงเชื่อและศรัทธาตัวเองมากขึ้นโดยการได้ไปพบท่านนบีมูฮำมัด ซอลฯจริงๆ ไม่ใช่ได้พบในความฝัน รัฐบาลอำนาจนิยมในสมัยนั้น รีบฉวยโอกาสทำการล้มล้างกลุ่มในทันที
กรณีธรรมกาย มีการรับบริจาคการหารายได้เข้าวัดในแบบที่หมิ่นเหม่ผิดกฏหมายและจนถึงโดนกล่าวหาว่าทุจริตมากมาย จนถึงการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของวัดไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว และครอบครัวของผู้นำ ในที่สุดรัฐบาลทหาร คสช.ก็ได้เข้าไปทำการยึดทรัพย์สินและปิดวัดธรรมกายไม่ให้สามารถทำกิจกรรมใดใดได้อีก เหลือแต่สถานที่เคยเป็นสำนักอันใหญ่โตมโหฬาร
ทั้งสองกรณีล้วนเกิดจากความประมาท ความหลงตัวเองของผู้นำ ที่ทำผิดพลาดจนเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลสามารถใช้อำนาจเข้าไปจัดการได้แบบที่ดูเหมือนมีความชอบธรรมและสมเหตุสมผล เพื่อชาติบ้านเมือง และไม่สามารถตำหนิใดๆได้
เราหันมาดูกรณีกลุ่มดะวะห์ในอินเดีย ก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ที่กิจกรรมของกลุ่มบางอย่างก็เหมือนส่งเสริมและเป็นไปตามหลักการศาสนา แต่อีกหลายๆกิจกรรมก็เป็นที่ข้องใจของมุสลิมชนอื่นๆว่ามีการปฏิบัติที่ขาดความเหมาะสมต่อครอบครัวและสังคมและมีความนิยมคนในกลุ่มมากกว่าคนนอกกลุ่มและอูลามานอกกลุ่ม แต่กลุ่มดะวะห์จะแตกต่างจากสองกลุ่มข้างต้นตรงที่มีสมาชิกนอกประเทศอินเดียมากมายหลายประเทศ มีการชุมนุมประจำปีในหลายๆประเทศ แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจจริงๆของดะวะห์หรือศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดอยู่ที่อินเดีย
ฉะนั้นการที่ผู้นำสูงสุดของดะวะห์โลกออกมาต่อต้านการปิดมัสยิด ต่อต้านการห้ามชุมนุม ในอินเดีย เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19และถูกประกาศจับจากรัฐบาลอินเดีย จนตัวเองตัองหลบหนีไปนั้น ก็เป็นกรณีที่คล้ายๆกับกรณีอัรกอมและธรรมกาย ที่รัฐบาลอำนาจนิยมจะหาจังหวะ หาโอกาสที่จะล้มล้างกลุ่มหรือลัทธิเหล่านี้ด้วยความชอบธรรมและสมเหตุสมผลตลอดมาอยู่แล้ว ความอยู่รอดของสถาบันดะวะห์ในอืนเดียจึงขึ้นอยู่กับผู้นำที่ต้องใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ แต่ถ้าผู้นำยังแข็งขืน ดึงดัน หลงตัวเองและเชื่อมั่น ถือดีในพลังของกลุ่มตัวเองจนไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่นใด
โอกาสที่สถาบันและกลุ่มดะวะห์ในอินเดีย จะมีชะตากรรมเหมือนกับกลุ่มอัรกอมและธรรมกายที่ได้สูญหายไปจากโลกนี้ไปแล้วนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่น้อย และยิ่งรัฐบาลอินเดียชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลฮินดูนิยมสุดโต่ง ย่อมต้องมีความคิดที่จะสลายกลุ่มพลังมวลชนของชนอิสลามอย่างแน่นอนอยู่แล้ว การใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาที่ชาญฉลาดเท่านั้นที่จะสามารถทำให้องค์กรดะวะห์สามารถฟันฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ครับ
———-
หมายเหตุ: อัรกอมที่ถูกทางการมาเลเซียสลายไป ได้ทำการเปลี่ยนแปลงและร่วมพัฒนาชาติมาเลเซีย สู่ผู้กลับใจระดับดี และปัจจุบันอยู่ในฐานะองค์กรหลักที่เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติมาเลเซีย ปัจจุบันเราพัฒนาชาติในนามของบริษัทโกลบ้อลอิควาน ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกในฐานะบริษัทของคนอิสลามมลายูยริษัทเดียวที่ข้ามชาติมีสาขาอยู่ทั่วโลก ได้สร้างความเจริญให้กับมาสเลเซีย และเผยแพร่อิสลามในรูปแบบการทำธุรกิจแบบอิสลาม ที่มีการค้าขายอย่างเป็นธรรม ไม่เน้นดำไร แต่เน้นผลตอบแทนทางศาสนา และทางบริษัทโกลบ้อลอิควานก็ได้ปฎิบัติตามคำสั่งของทางการมาเลเซียอย่างเคร่งครัดทางด้านสาธารณะสุข