BRNประกาศหยุดยิง ให้แพทย์ทำงานแก้โควิด-‘อารีเพ็ญ’เรียกร้องแก้ปัญหาสันติวิธี

อดีตรมช.ศึกษาธิการ เรียกร้องยุติปัญหาความรุนแรงโดยสันติวิธี ระบุ คนมลายูปาตานีมีความคิดและความต้องการที่จะกำหนดชะตากรรมของตน 

วันที่ 6 เมษายน มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27มีนาคม เพจ BRN Barisan Revolusi National ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า  เรื่อง การหยุดยิงในสภาวะไวรัสโควิท-19 ระบาด

รายละะเอียดระบุว่า เรียน ประชาชนที่รักทุกท่าน

เนื่องด้วยมี NGO ท่านหนึ่งได้อัพสเตตัสให้ทาง BRN Army หยุดยิงในสภาวะไวรัสโควิท-19 ระบาดในพื้นที่ปาตานี NGO ท่านนี้ได้ให้เหตุผลว่า “#เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย”

ทั้งนี้ทางสภาอูลามาอ์อัลฟาฏอนีย์ได้มีการแถลงระเบียบปฏิบัติชัดเจนในสภาวะดังกล่าว จึงขอให้ประชาชนปาตานีจงปฏิบัติตามที่ทางสภาอูลามาอ์ได้สรุปไว้

BRN Army เป็นกองกำลังที่เคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนดินแดนปาตานีซึ่งหมายถึงนักรบ จึงขอนำเรียนต่อประชาชนปาตานี ดังนี้

1.บุคลากรทางการแพทย์มิใช่ศัตรูหรือเป้าหมายในการต่อสู้ และเป็นที่ชัดเจนว่าแพทย์,พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านเป็นบุคคลที่ต้องงดเว้นการสังหารในทุกสมรภูมิ ยกเว้นในกรณีที่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่ช่วยเหลือในงานข่าวกรองหรืออาวุธให้ศัตรูคู่ขัดแย้ง
2.การจัดการในการป้องกันโรค #มิใช่หน้าที่ของนักรบหรือทหาร ยกเว้นตามที่ถูกร้องขอในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเช่น เกิดโรคระบาดรุนแรง,เกิดคลื่นสึนามิหรือแผ่นดินใหว จึงไม่สมควรที่กองกำลังความมั่นคงเสนอหน้าไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว เช่น ทหารถูกโจมตีด้วยระเบิดขณะกลับจากล้างมัสยิดและเจ้าหน้าความมั่นคงที่นำประกาศของสำนักจุฬาไปปิดตามมัสยิดซึ่งหน้าที่ตรงนั้นเป็นของสนง.คกก.อิสลามและคกก.มัสยิดเป็นต้น

3.พยายามอย่าให้เป้าหมาย(ทหาร,ตำรวจ,อส.ทพ.,อส.ยกเว้นกองกำลังประชาชนที่รับผิดชอบภายในชุมชน)เข้าใกล้พลเรือน #ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้
4.การที่รัฐสยามไทยได้นำพรก.ฉุกเฉินออกมาบังคับใช้ก็เป็นเหตุผลในการโหนกระแสไวรัสในการทำลายศัตรูทางการเมืองมากกว่า เหตุเพราะหากจะแสดงถึงความจริงใจ พรบ.โรคระบาดก็เพียงพอในการบังคับใช้

5.BRN Army จะไม่ลงมือจนกว่าจะถึงขีดสุดของการยั่วยุจากศัตรู นั่นคือการปิดล้อมควบคุมประชาชนและกองกำลังBRN Army

หมายเหตุ เรามิอาจรับประกันได้ว่าเหตุการณ์จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากยังคงมีกองกำลังในพื้นที่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ BRN Army ปฏิบัติการอยู่เพื่อสร้างสถานการณ์ เช่น หน่วยทพ.จรยุทธ์,กองกำลังสันติบาลและผู้ที่เสียผลประโยชน์

ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า เห็นคำประกาศการหยุดการก่อเหตุร้ายในพื้นที่การต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐไทยที่ปาตานีเพื่อเรีกร้องอิสระภาพหรือเอกราชของ BRN เนื่องจากเกิดวิกฤตโควิด 19 แล้ว ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับสถานการณ์ความเดือดร้อนของมนุษยชาติทั้งโลก ต้องยอมรับและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ปัญหาความไม่สงบในดินแดนปาตานี เป็นเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองในเชิงอุดมการณ์ที่ยึดโยงกับชาติพันธุ์ ประวัติศาสตร์ และ ความเป็นธรรม ซึ่งมีอยู่หลายประเทศในโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ประเทศเหล่านั้น เขายุติปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยการสร้างกระบวนการสันติภาพมีการพูดคุยเจรจาจนนำไปสู่ข้อตกลงในทางสันติวิธี แม้จะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม ซึ่งข้อตกลงนั้นเป็นที่ยอมรับและเห็นด้วยของประชาชนส่วนใหญ่ในดินแดนนั้นๆจัดการตนเองที่ให้ความสำคัญกับชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้นๆ

การต่อสู้ของกลุ่มที่ต้องการดินแดนคืนกรณีปาตานีก็เช่นเดียวกัน เราต้องยอมรับอย่างสนิทใจว่า คนมลายูปาตานีมีความคิดและความต้องการที่จะกำหนดชะตากรรมของตนอาจแตกต่างกันไปบ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดา ยกตัวอย่าง บริษัท โยร์ยา จำกัด ถูกยึดโดยบริษัท หงษ์สา จำกัด ซึ่งมีอิทธิพลและพละกำลังที่เหนือกว่า เอามาผนวกอยู่ในบริษัทหงษ์สาอันเป็นบริษัทแม่มาอย่างยาวนาน แน่นอนลูกหลานของบริษัท โยร์ยา ที่ถูกยึดมีหลายคน บางคนอยากได้บริษัทของบรรพบุรุษของเขาคืน บางคนยินยอมให้บริษัทแม่เป็นเจ้าของร่วม แต่ขอเป็นผู้จัดการบริษัทโยร์ยาเสียเอง และบางคนแค่เป็นเสมียนหรือภารโรงในบริษัทก็พอใจแล้ว ซึ่งความคิดและความต้องการของลูกหลานบริษัทที่ถูกยึดเป็นความต้องการที่แตกต่างกันไปจะมากหรือน้อยกว่ากันสำรวจกันได้

ดังนั้น บริษัทแม่ที่มีความเป็นธรรม มองการณ์ไกล และฉลาด ที่ต้องการความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของบริษัทต่อไปในอนาคต ย่อมรู้ดีว่า จะต้องดำเนินการอย่างไร ?