แรงงานไทยในมาเลเซียผิดหวังต่อรัฐบาลไทยมาก! เหมารถบัสกลับไทย แต่ถูกทางการไทยปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ต้องนอนริมถนนและเหมารถกลับกัวลาลัมเปอร์
วันที่ 3 เม.ย.63 กลุ่มแรงงานร้านอาหารต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซียจำนวนกว่า 120 คน รวมตัวกันหุ้นเงินเช่าเหมารถบัสจำนวน 3 คันเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย มายังด่านชายแดนสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา โดยพวกเขาได้ดำเนินการขอใบรับรองแพทย์และติดต่อขอใบอนุญาตจากสถานทูตไทย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์เรียบร้อยแล้ว และผ่านขั้นตอนต่างๆ จึงเดินทางกลับมายังไทย แต่เมื่อเดินทางมาถึงด่านสะเดา เจ้าหน้าที่ทางการไทยกลับไม่อนุญาตให้พวกเขาเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยอ้างประกาศจากรัฐบาลว่าให้ชะลอเดินทางกลับประเทศในช่วงวันที่ 1-15 เมษายนนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ ทั้งที่ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจากด่านมาเลเซียออกมาแล้ว ทำให้พวกเขาต้องนอนอยู่ริมถนนที่ด่านสะเดาหนึ่งคืน เพราะไม่สามารถผ่านด่านไทยเข้ามาได้ และรถบัสที่เช่ามานั้นได้ตีรถกลับกัวลาลัมเปอร์ไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่มาเลเซียก็ไม่อนุญาตให้พวกเขารวมกลุ่มกันจำนวนมากแบบนี้ จึงให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับไป ซึ่งวันนี้พวกเขาตัดสินใจหุ้นเงินเช่ารถบัสจำนวน 3 คันอีกครั้ง เพื่อเดินทางกลับไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกครั้ง ส่งผลให้เสียเวลาเดินทางและเสียเงินจำนวนมาก
ทันทีที่ตีรถกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเขาไปรวมตัวกันที่สถานทูตไทย โดยมีเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์มาดูแล และให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของยังชีพให้ด้วย
. ขณะที่กลุ่มแรงงานต้มยำได้แสดงความผิดหวังและไม่พอใจอย่างมากต่อรัฐบาลไทย ที่มีการสื่อสารไม่ชัดเจน โดยในตอนแรก บอกให้ลงทะเบียนที่สถานฑูตและดำเนินการขอเอกสารตามขั้นตอน พวกเขาได้ดำเนินการขอเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยด้วยความยากลำบาก และได้เช่าเหมารถเดินทางกลับไป แต่เมื่อไปถึงชายแดนไทย กลับไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ ทั้งที่พวกเขาคือประชาชนคนไทย มีสิทธิกลับภูมิลำเนาตนเอง แต่ถูกไล่กลับจากรัฐบาลของประเทศตนเอง ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง และผิดหวังต่อรัฐบาลไทยอย่างมากที่สุด
นายซัมซุดดิน วาซูกาเลาะ ประธานกลุ่มต้มยำในมาเลเซียบอกว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากการปิดประเทศของมาเลเซีย ร้านค้าสถานประกอบการที่ทำงานอยู่ถูกปิด ทำให้พวกเขาไม่มีงานไม่มีรายได้ และไม่มีเงินซื้ออาหารยังชีพ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก จึงตั้งใจอยากจะกลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และพร้อมเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วันในประเทศไทย แต่เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วถูกไล่ให้กลับประเทศอื่น จึงรู้สึกผิดหวังต่อรัฐบาลไทยอย่างมาก ที่ไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน และมีการปฏิบัติต่อประชาชนอย่างไร้มนุษยธรรม
