ผลสอบเหตุปล่อย158คนไทยพ้นการกักตัวที่สุวรรณภูมิ’หวั่นบานปลาย’-ค่อยตามกลับ

เปิดผลสอบ “เสธ.โก้”“พลตรี” สุวรรณภูมิ เหตุตัดสินใจปล่อยตัว 158 คนไทย กลับไปดักตัวที่บ้าน หลัง พยายามเจรจา แล้ว ไม่เป็นผล หวั่นบานปลาย  ระบุต่อสาย ถก ผอ. EOC สธ. สุวรรณภูมิ ตัดสินใจ ให้ปล่อยไปก่อนแล้วค่อยตามกลับมา

มีรายงานข่าว จาก ศปม. ว่า จากที่
เกิดเหตุการณ์คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 152 คนไม่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ในการเข้าสู่มาตรการการกักตัวเป็นเหตุให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ บ่ายจนถึงค่ำ 3 เมย.2563

จนเป็นเหตุให้ พลตรีโกศล ชูใจ นายทหารกลาโหม ต้องมาเจรจา และยอมปล่อยให้คนไทย กลับบ้าน ไม่ต้องกักกันตัว จนถูกวิจารณ อย่างหนัก นั้น

จาการตรวจสอบเบื้องต้นของ ศปม…พบว่า เกิดจากการที่ ผู้โดยสาร ใช้เวลารอ ขั้นตอนการตรวจโรค การตรวจสอบของ จนท. เป็นเวลานานหลายชม. และไม่มีจนท.ผู้รับผิดชอบ ที่ตัดสินใจได้ มาดูแลให้ข้อมูลผู้โดยสารที่รออยู่
จนเกิดเหตุวุ่นวาย ขึ้น ไม่ยอมรับการกักตัว ตามพรก.ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้ผู้ใหญ่มาเจรจา

ซี่งในระหว่างนั้น เสธ.โก้ พลตรีโกศล ชูใจ ได้ปฏิบัติหน้าที่ ที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับมอบหมายจากกลาโหม ไปทำหน้าที่ประสานงานเรื่องการจัดยานพาหนะ ในการรับส่งผู้โดยสาร ที่กลับจากต่างประเทศ ไปกักกันตัว

แต่ไม่ได้มีหน้าที่ เกี่ยวกับ เรื่องนี้ แต่อย่างใด แต่ได้รับการร้องขอ จากเจ้าหน้าที่ มาช่วยเจรจา กับผู้โดยสาร ที่แสดงความไม่พอใจ ก่นด่า เพราะเห็นเป็นผู้ใหญ่สุด

แต่เมื่อพยายามเจรจาชี้แจง ด้วยข้อกฏหมาย แล้ว ผู้โดยสาร ไม่ยอม พลตรีโกศล จึงได้ติดต่อกับ ผอ.EOCสธ. เพื่อปรึกษาหารือ จนที่สุด ก็ได้รับการบอกกล่าวว่า ให้ปล่อยกลับบ้านไปก่อน เพราะหากยื้อกันต่อไป จะเกิดความวุ่นวาย และอาจลุกลาม. จึงได้ปล่อยตัวกลับบ้านไป ก่อน ไปกักตัวที่บ้าน แล้วค่อยติดตามกลับมา

จนทำให้ถูกกระแสสังคม โจมตีว่า ทำไมตัดสินใจ ปล่อยกลับบ้าน โดยพลการ

พลตรีโกศล เป็น นายทหารเสือราชินี ที่โตจาก ร.21 รอ. และรับราชการในภาคอิสาน และ เป็น ตท.24

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น กลาโหม มีคำสั่ง เรียกตัว พลตรีโกศล กลับกลาโหม ไม่ต้องมาช่วยงานที่สุวรรณภูมิ และถูกตั้งกก.สอบสวนข้อเท็จจริง ง่า ใช้อำนาจหน้าที่เกินไปหรือไม่

ดังนั้น พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด/หัวหน้า ศปม. จึง
มีคำสั่งแต่งตั้งให้ บิ๊กเบิร์ด พลเอก ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร เข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (Emergency Operation Center หรือ EOC) ทั้งที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว

พร้อมทั้งทำหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองและจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคตามมาตรการของรัฐที่กำหนด ( State Quarantine ) เพื่อนำเข้าพื้นที่ควบคุมโรคต่อไป

และ มอบหมายให้ บิ๊กไก่ พลเอก สุพจน์ มาลานิยม รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามตัว ผู้โดยสารที่เดินทางกลับประเทศไทยและไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine กลับมา

นอกจากนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด/หัวหน้า ศปม. กล่าวว่าจากการตรวจสอบเหตุการณ์เเละทุกส่วนที่เกี่ยวข้องก็พบว่ามาตรการการดำเนินการยังเป็นการดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้แต่เมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่มีการประกาศยกระดับการห้ามออกนอกบ้าน (เคอร์ฟิวส์) ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจะต้องผ่านการตรวจสอบเป็นรายบุคคลทุกคน แต่ในการบริหารจัดการดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้โดยสารเกิดการรอคอยนานกว่าปกติ เนื่องจากเราจะต้องรอจำนวนผู้โดยสารเพื่อที่จะได้เดินทางไปสถานที่กักตัวพร้อมกันเพื่อไปยังสถานกักกันโรค ซึ่งตรงนี้เราก็มีจุดอ่อนเล็กน้อยในการบริหารจัดการอารมณ์จนเกิดความไม่ราบรื่นในการใช้มาตรการ แต่เราก็ทำเพื่อประชาชนและครอบครัวของผู้เดินทางกลับมา