โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ไม่อยากใช้”ยาแรง” หากปชช.ให้ความร่วมมือลดการแพร่เชื้อ”โควิด-19″ เตรียมประเมินมาตรการ”เคอร์ฟิว”ทุกวัน ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ หากไม่ดีขึ้นอาจห้ามออกนอกบ้าน 24 ชั่วโมง
วันที่ 3 เม.ย.63 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึง การประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาล ห้ามประชาชนออกจากบ้าน 22.00-04.00 น. ซึ่งมีผลในเย็นวันนี้ ถือเป็นข้อกำหนดฉบับที่ 2 ในการประกาศตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังมีข้อกำหนดฉบับที่ 1 ออกมา ก่อนหน้านี้แล้ว ให้ปิดสถานที่ต่างๆ แต่ยังพบว่าประชาชนยังทำกิจกรรมรวมตัวกัน ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้
จึงนำมาสู่ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 โควิด-19 (ศบค.) วานนี้ ซึ่งนายกฯ เห็นว่า ควรจะประกาศสำหรับทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมโรคให้ได้ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นที่หลักร้อยทุกวัน ซึ่งรัฐบาลไม่อยากใช้ยาแรง แต่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเช่นนี้ เพื่อลดการรวมกลุ่มของประชาชน
ทั้งนี้ จะมีการประเมินข้อกำหนดที่ประกาศล่าสุดนี้ ทุกวัน ตลอด 1 สัปดาห์ หากมีตัวเลขผู้ป่วยยังเพิ่ม มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการพิจารณาประกาศเคอร์ฟิว ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากตัวเลขลดลง อาจจะคงหรือผ่อนคลายมาตรการ
“นายกฯ ไม่อยากใช้ยาแรงหากได้รับความร่วมมือกับประชาชน โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ให้น้อยที่สุด อย่าออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น โดยให้ทำงานที่บ้าน และแม้จะอยู่บ้านแล้ว ก็ต้องเว้นระยะห่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่รณรงค์กันในขณะนี้ เพราะนายกฯ ห่วงใยประชาชนอย่างจริงใจ โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม ที่ยังไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่”
โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี เข้าใจดีว่า ยังมีความจำเป็นสำหรับบุคคลบางกลุ่มที่ยังจะต้องออกมาทำงานในช่วงเวลาประกาศเคอร์ฟิว โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานทางด้านการแพทย์ การธนาคาร ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค หรือกลุ่มคนที่ทำงานเป็นกะ เพียงแต่ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องมีเอกสารรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ถึงความจำเป็นในการเดินทาง ส่วนคนที่เจ็บป่วย ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน ส่วนคนที่ไม่มีเหตุจำเป็น แต่ยังออกจากเคหสถาน ก็มีโทษตามที่กำหนดไว้
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา# เคอร์ฟิว# นฤมล ภิญโญสินวัฒน์# โควิด-19# พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ