ตามรายงานการติดตามตรวจสอบกลุ่มผู้แสวงบุญจากอินโดนีเซีย เดินทางกลับไทย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม และมีผู้ถูกออกหมายจับ ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ มาถูกจับที่นราธิวาส คิดเชื้อ ตำรวจที่จับกุม 4 นายต้องกักตัวตรวจเชื้อด้วย
รายละเอียดของรายงานการตรวจสอบ ระบุว่า
เมื่อ ๓๑ มี.ค.๖๓ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไวรัส COVID-19 แจ้งผลการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ได้เก็บตัวอย่างผู้โดยสารคนไทยที่กลับจากการไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่งตรวจ จำนวน ๒๗ คน ปรากฏว่า มีผลการตรวจเป็น Positive จำนวน ๑๙ คน จึงได้นำส่งต่อโรงพยาบาล ส่วนผู้โดยสารอีก ๘ คน มีผลตรวจเป็น Negative ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเฝ้าดูอาการเป็นเวลา ๑๔ วัน
จากนั้น เมื่อ ๑ เม.ย.๖๓, ๐๗๒๐ ร้อย ทพ.๔๓๑๔ ด่านตรวจเกาะหม้อแกง นำโดย ร.ท.สุดสายทิพย์ กาญจนเพ็ญ รอง ผบ.ร้อย ทพ.๔๓๑๔ (ผบ.ด่านตรวจเกาะหม้อแกง) และ ร.ต.สุภาพ เชาวลิต รอง ผบ.ร้อย ทพ.๔๓๐๗ ได้ตรวจและสกัด รถบัสโดยสาร ป้ายทะเบียน 32-0599 กทม. เดินทางมาจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบรรทุก ปชช. ที่กลับจากประเทศอินโดนีเซีย จำนวน ๘ ราย (ลงก่อนถึงด่าน ๑ ราย) มีรายชื่อดังนี้
๒.๑ รายชื่อผู้กลับจากอินโดนีเซีย
๑) นายยาโกบ สิเด้น จ.กระบี่ (ลงก่อนถึงด่าน)
๒) นายรอวี เจ๊ะตาเห จ.นราธิวาส
๓) นายมาหาฮัสมิมี ยีดาเด๊ะ จ.นราธิวาส
๔) นายมูฮัมมัด ลาเดาะ จ.ปัตตานี
๕) นายอาหมัด เจะหะ จ.ปัตตานี
๖) นายอับดุลรอซะ สและ จ.ปัตตานี
๗) นายไซ่นุดีน ดอเลาะ จ.ปัตตานี
๘) นายอานุวา ยาเต็ง จ.นราธิวาส
๒.๒ พลขับและคนรถ ๒ ราย
๑) นายพิเชษฐ พงษ์พุทธ คนขับ
๒) นายสายัณต์ คล้ายวิเชียร์ คนประจำรถ
๓. ทางด่านตรวจฯ ได้ส่งกับ สภ.หนองจิก เพื่อนนำทุกคนไปส่งให้กับการคัดกรอง ปลายทาง อบจ.ปัตตานี
ผลการตรวจของ รพ.ปัตตานี พบว่าประชาชนที่อยู่ จ.ปัตตานี ทั้ง ๔ ราย ติดเชื้อ COVID-19
นอกจากนี้ จากการสอบสวนพฤติกรรมระหว่างเดินทาง ไม่มีผู้ควบคุมการเดินทาง มีการแวะปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ทางเจ้าหน้าที่จึงจะติดตามตัวให้พบและนำมาตรวจคัดกรอง/กักตัวให้หมดทุกราย ทั้งบุคคลในร้านสะดวกซื้อ ปั้มน้ำมัน
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า 1 ในผู้เดินทางไปดะวะห์กลับมา ทีหมายจับติดตัวไปด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสุไหงโกลก จึงได้เข้าจับกุมและนำตัวขึ้นศาล ทำให้ตำรวจ 4 นายที่ดำเนินการต้องถูกกักตัวตรวจโรค
โดยมีรายงานว่า หมายจับได้ออกมา ระหว่างที่ผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อกลับเข้ามามีอาการเข้าข่ายติดเชื้อ แต่ได้เดินทางผ่านสุวรรณภูมิ เปลี่ยนเครื่อง ลงนราธิวาส ถูกนำตัวพาไปสถานีตำรวจและศาล จนศาลต้องสั่งให้พาไปตรวจพบว่าติดเชื้อ
.
ข้อมูลของเพจสวท.สุไหงโกลก ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ออกเดินทางจากบ้านที่เบตงไปกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 13 มี.ค.เพื่อจะเดินทางไปต่อที่อินโดนีเซีย ซึ่งจะมีการจัดงานประชุมดาวะห์ที่สุลาเวสีวันที่ 19 มี.ค.จากนั้นได้ออกจากสุลาเวสีไปจาการ์ต้าเมื่อ 23-24 มี.ค. เริ่มมีอาการไอและเจ็บคอ วันที่ 25 มีค.เดินทางกลับไปเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินการูด้าของอินโดนีเซีย จากสุวรรณภูมิเดินทางด้วยสายการบินไทยสมายล์ด้วยเที่ยวบิน WE 291 หมายเลข 40J เมื่อถึงสนามบินตำรวจได้จับกุมแล้วพาไปที่โรงพักสุไหงโกลก แล้วยังนำตัวไปศาลในวันรุ่งขึ้นคือ 27 มี.ค. ศาลสั่งให้นำผู้ต้องหาคนนี้ไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 วันถัดมาคือ 28 มี.ค.จึงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสุไหงโกลกหลังจากที่ผลตรวจออกมาเมื่อวันอาทิตย์คือ 29 มี.ค.ว่า ติดเชื้อจริง
.
จุดที่น่าสนใจ หมายจับออกก่อนหรือจากที่ผู้ต้องสงสัยเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าออกก่อนออกนอกประเทศได้อย่างไร
การจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิพบว่า มีอาการแล้วเหตุใดไม่ให้รักษาตัวทันทีในกรุงเทพฯ เหตุใดจึงยังให้นั่งเครื่องบินมาลงนราธิวาสเพิ่มโอกาสแพร่เชื้อ ทั้งยังพาไปสถานีตำรวจสุไหงโกลกและศาล ต้องรอให้ศาลสั่งให้พาไปตรวจ ตลอดเส้นทางเพิ่มโอกาสให้มีผู้เสี่ยงติดเชื้อเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
.
ไทม์ไลน์การเดินทาง จัดทำโดยสวท.สุไหงโกลก