กมธ.ปปช.ป่วนอีกรอบ! ‘สิระ-ปารีณา’โวย เสรีพิศุทธิ์ 2 มาตรฐานไม่รับเองสอบบ้านริมน้ำ

78

กมธ.ป.ป.ช.ป่วนอีก!! “สิระ”ยื่นเรื่องตรวจสอบบ้านพักริมน้ำรุกล้ำเจ้าพระยา แต่“เสรีพิศุทธ์” ไม่รับเรื่อง โยนให้ยื่นเลขานุการรับแทน ด้าน ปารีณา โวย สองมาตรฐาน ทำให้ฝ่ายค้าน แห่ด่า ส.ส.ต้องรักษามารยาท

ทันทีที่เปิดการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน ก็เกิดการถกเถียงกันทันที

เนื่องจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการได้ทักท้วงบันทึกการประชุมวันที่ลงมติเชิญให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภามาชี้แจงกรณีนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน เนื่องจากกังวลว่าองค์ประชุมในวันที่ลงมติไม่ครบ แต่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวยืนยันว่า ในวันดังกล่าวมีองค์ประชุมพอสมควรและมติที่ออกมาก็ถือว่าชอบแล้ว

แต่เรื่องนี้ก็บานปลายไปจนถึงมีการกล่าวหากันว่ากรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลมาร่วมประชุมสายและมักจะอยู่ไม่ครบเวลาการประชุม

จากนั้น ระหว่างที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กำลังเข้าสู่วาระการประชุมนายสิระ เจนจาคะ ได้นำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานกรมเจ้าท่าและกระทรวงคมนาคม กรณีที่ปล่อยปะละเลยให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก่อสร้างบ้านพักรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา โดยนายสิระได้เดินไปยื่นหนังสือต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ โดยไม่ได้มีการนัดล่วงหน้าแต่อย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวาย เนื่องจากพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ไม่ยอมรับหนังสือดังกล่าว พร้อมระบุกับนายสิระว่า “ผมไม่ให้เกียรติคุณก็เลยไม่รับ ให้ไปยื่นกับฝ่ายเลขานุการ ทำแบบนี้ไม่ได้ มายื่นเรื่องแทรกวาระการประชุม ไม่มีจริยธรรม”

นายสิระ จึงได้ตอบกลับไปว่า “ถ้าไม่รับผมไปยื่นกับฝ่ายเลขานุการก็ได้แต่ก็แสดงให้เห็นว่าท่านประธานไม่ยอมรับการตรวจสอบเรื่องของตนเอง” ก่อนที่นายสิระจะเดินออกจากห้องประชุมไปในทันที

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นผสมโรงกล่าวหาพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ว่า สองมาตรฐาน เพราะทุกครั้งที่มีชาวบ้านหรือบุคคลอื่นมายื่นหนังสือร้องเรียนพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็จะรับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเองหลังกลางห้องประชุมแต่เมื่อเป็นเรื่องที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของตนเองกลับไม่ยอมรับ ส่วนตัวเคยยื่นคำร้องของประชาชนให้ตรวจสอบกรณีคนตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์หมิ่นเบื้องสูง 2 กรณี แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็ไม่รับเรื่อง ฝ่ายเลขานุการของที่ประชุมก็ไม่รับเรื่อง จนต้องยื่นผ่านสำนักงานเลขาธิการผู้แทนราษฎรให้ส่งเรื่องมายังคณะกรรมาธิการแทน แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็ยังบ่ายเบี่ยงที่จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมจนเป็นที่มาของคำว่า “เสือก” ดังนั้นจึงขอเรียกร้องว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของใครก็ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์รับเรื่องไปตรวจสอบ

ด้านพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ชี้แจงว่า ไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามวาระการประชุม ประชาชนที่จะมายื่นเรื่องต่อตนเอง ย่อมเข้าใจดี เพราะทุกครั้งก็มายื่นก่อนการประชุมหรือหลังการประชุม ส่วนเรื่องของนางสาวปารีณานั้น ติดปัญหาเรื่องการเซ็นชื่อเสนอเรื่อง และส่วนตัวยังไม่เคยเห็นคำร้องดังกล่าวเลย เพิ่งมาเห็นหลังจากที่มีการแก้ไขแล้วและขณะนี้ก็บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว

นางสาวปารีณา จึงได้สวนกลับทันทีว่า “ท่านประธานอย่ามั่ว ดิฉันได้ยื่นต่อท่านประธานหลายครั้งแล้ว แต่ท่านไม่รับและให้ไปยื่นกับเลขา”

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จึงกล่าวว่า “ผมไม่ได้มั่ว และไม่ได้กลัวการตรวจสอบ กลับสงสารคุณมากกว่าที่ยื่นมาโดยไม่รู้ เดี๋ยวจะมีปัญหากับการร้องเรียนเรื่องนี้”

เรื่องนี้บานปลายไปจนกรรมาธิการคนอื่น โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ต่างลุกขึ้นขอให้ประธานใช้อำนาจควบคุมการประชุม อาทิ นายธีรัจชัย กล่าวสนับสนุนว่าประธานทำถูกต้องแล้วที่ไม่รับคำร้องของนายสิระระหว่างการประชุม พร้อมขอให้กรรมาธิการทุกคนดำเนินการประชุมไปตามวาระ เพราะขณะนี้คณะกรรมาธิการกำลังถูกกล่าวหาจากประชาชนว่าไม่ทำงาน

ขณะที่นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานสามารถใช้อำนาจควบคุมการประชุม หากกรรมาธิการคนใดใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ และไม่มีมารยาท เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พูดแต่เรื่องตัวเองไม่พูดถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเลย

นางสาวปารีณา จึงได้ประท้วงขอให้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอยู่ในประเด็นของการประชุม ที่ขณะนี้กำลังพูดถึงเรื่องความสองมาตรฐานของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จึงได้ตัดบทในที่ประชุมขอให้ผู้สื่อข่าวออกจากห้องประชุม เพื่อดำเนินการตามวาระการประชุมต่อไป


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ชี้แจงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบบ้านพักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดวัดจันทร์สโมสร ย่านเกียกกาย โดยยอมรับว่า บ้านพักหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของตนเองจริง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว จนเกิดจากปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ยืนยันว่าไม่ได้ลุกล้ำลำน้ำ ส่วนการสร้างท่าเรือก็ขออนุญาตกรมเจ้าท่าถูกต้องตามกฎหมาย

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ อธิบายว่า จนกระทั่งปี 2552 มีนายตำรวจที่ตนเองสั่งสอบสวนกรณีเกี่ยวพันกับบ่อน ป.ประตูน้ำ ร้องให้ตรวจสอบท่าเรือบริเวณบ้านพักตนเอง จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีผลสรุปทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการไม่สั่งฟ้อง จึงถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งท่าเรือก็ไม่เคยมีการต่อเติมอะไรใหม่ นอกจากที่กรมเจ้าท่าเคยอนุญาตไว้ พร้อมมองว่านายสิระไม่เข้าใจการทำหน้าที่กรรมาธิการ ว่าเรื่องใดที่อยู่ในการพิจารณาขององค์กรอิสระและศาลก็ให้ยุติเรื่อง เรื่องใดที่ต้องดำเนินการก็ให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาซักถาม แล้วค่อยลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ

ส่วนถือว่าเป็นการจงใจเล่นงานส่วนตัวหรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีปัญหากันมาโดยตลอด ที่นายสิระเข้ามาทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการชุดนี้ เพื่อยุติกรณี ซักถามเกี่ยวกับปัญหาถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะรับเรื่องที่นายสิระจะขอให้ดำเนินการไว้ผ่านทางเลขานุการกรรมาธิการ แต่จะไม่รับด้วยตนเอง และตอบโต้ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทหรือแจ้งความอันเป็นเท็จ และคงจะต้องฟ้องต่อไปเรื่อยๆ แต่คงไม่ถึงกับให้ต้องมากราบเท้าในภายหลัง เพราะกรณีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องหนักเหมือนนายสัตวแพทย์ ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

ส่วนกรณีนายไพบูลย์ จะขอเลื่อนญัตติถอนถอนตนเองออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า พร้อมชี้แจง คงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดฝ่ายเดียว