จากตั้งไอซิสถึงสังหารนายพลสุไลมานี สหรัฐฯ-อิสราเอล-ซาอุฯจับมือเป็นหนึ่งเดียว

306

เบื้องหลังการสังหารพลเอกโซไลมณี จากความสลับซับซ้อนของสถานการณ์ที่มีอิสราเอล อยู่เบื้องหลัง

๑.อิสราเอลต้องการขยายดินแดนของตนให้กว้างออกไป แต่จะทำไม่ได้หากตะวันออกกลางเป็นปึกแผ่น จึงขอให้อเมริกาช่วย

๒.อเมริกา อิสราเอล ซาอุฯ และอังกฤษจึงร่วมกันสร้างกลุ่มก่อการร้ายไอสิสโดยอาศัยนิกายวะฮาบีย์ในซาอุดิอาระเบียเป็นฐาน ซาอุฯ สร้างทั้งโรงเรียนและมัสยิดปลูกฝังแนวคิดวะฮาบีย์ กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่รัฐบาลมุสลิมอย่างซาอุฯ สร้างขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของอเมริกา อังกฤษและอิสราเอลจึงระบาดไปทั่วตะวันออกกลางอย่างรวดเร็ว

๓.หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายไอสิสก็คืออะบูบักร์ อัลบัฆดะดี ซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับมอสสาดของอิสราเอล เพราะต้องควบคุมให้ไอสิสทำงานตามวัตถุประสงค์ที่อิสราเอลต้องการ

กลุ่มก่อการร้ายไอสิสเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วซีเรีย อิรัค เลบานอน ในขณะเดียวกัน ที่ปาเลสไตน์ อิสราเอลก็ส่งกองทัพเข้าบุกรุกยึดดินแดนโดยเปิดเผย โดยมีรัฐบาลอเมริกาสนับสนุน มิให้สหประชาชาติดำเนินการเอาผิดได้ตลอดมา

๔.ตะวันออกกลางเริ่มป่วนเพราะมีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ไม่เพียงแต่กลุ่มก่อการร้าย ชาติตะวันตกนำโดยอเมริกาและแก๊งนาโต้ยังสร้างสงครามพันทาง ใช้ม็อบจัดตั้งหาทางไล่รัฐบาลซีเรียตลอดเวลา เมื่อสงครามพันทางมาบวกกับกลุ่มก่อการร้าย รัฐบาลซีเรียจึงเซไปเซมา จนกระทั่งได้ขอให้รัสเซียและอิหร่านเข้าช่วย

๕.บุคคลที่นำกองทัพอิหร่านเข้าช่วยก็คือพลเอกโซไลมณี ทุกจังหวัดในซีเรียที่มีไอสิสและอัลกออิดะห์ นายพลผู้นี้นำกองทัพอิหร่านเข้าร่วมรบกับกองทัพรัสเซียและซีเรีย จนกระทั่งรัฐบาลซีเรียสามารถกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายไอสิสและอัลกออิดะห์ทุกๆ จังหวัด จนกระทั่งมาเหลือจังหวัดสุดท้ายคืออิดลิบที่กำลังไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายอยู่ขณะนี้

๖.วีรกรรมสำคัญอย่างหนึ่งที่พลเอกโซไลมณีได้ทำไว้ก็คือเมืองอาเลปโปซึ่งมีประชาชนซีเรียอาศัยอยู่ประมาณ ๓ ล้านคน ชาวซีเรียเหล่านี้ถูกกลุ่มก่อการร้ายไอสิสเข้ายึดครองและจับชาวบ้านเป็นตัวประกัน

พลเอกโซไลมณีได้พากองทัพอิหร่าน ผสมกับกองทัพรัสเซียและซีเรียเข้าตะลุยกับกลุ่มก่อการร้าย จนกระทั่งสามารถยึดเมืองอาเลปโปคืนมาจากกลุ่มก่อการร้าย มอบให้รัฐบาลซีเรียได้

๗.ขณะเดียวกัน กองทัพเยเมนซึ่งเป็นรองมากได้เพลี่ยงพล้ำซาอุฯ โดนซาอุฯ อังกฤษและอเมริกาส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ประชาชนเป็นว่าเล่น พลเอกโซไลมณีพร้อมด้วยเครือข่ายคือกลุ่มติดอาวุธเฮสบอเลาะห์ได้เข้าไปช่วยวางแผนและช่วยเหลือด้านอาวุธ

จนกระทั่งในที่สุด กองทัพฮูทิของเยเมน ไม่เพียงจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ ยังสามารถตอบโต้ประเทศซาอุดิอาระเบียได้อย่างหนักด้วย แม้กระทั่งต่อมา สามารถส่งโดรนถล่มโรงกลั่นน้ำมันอารามโกของซาอุฯได้สำเร็จ ทำให้ซาอุฯ ไม่กล้าบุ่มบ่ามรุกรานเยเมนเหมือนเดิมอีกต่อไป

๘.ในขณะที่ปาเลสไตน์กำลังถูกอิสราเอลบุกรุกและยึดครองพื้นที่ รัฐบาลอิหร่านก็ช่วยเหลือกลุ่มฮามาส พลเอกโซไลมณีก็ให้คำปรึกษาในการวางแผนรบกับกองทัพอิสราเอลมาโดยตลอด

๙.ล่าสุด รัฐบาลอิรัคเห็นซีเรียประสบความสำเร็จจากการให้กองทัพอิหร่านเข้าช่วยเหลือ รัฐบาลอิรัคจึงเชิญกองทัพอิหร่านให้ช่วย เป็นช่วงจังหวะที่กลุ่มก่อการร้ายไอสิสและอัลกออิดะห์กำลังพ่ายแพ้ในซีเรีย อเมริกาและแก๊งพันธมิตรได้พยายามเคลื่อนย้ายกลุ่มก่อการร้ายไอสิสไปไว้ที่อิรัคแทน

พลเอกโซไลมณีจึงได้รับเชิญให้เข้าอิรัคบ่อยมากยิ่งขึ้นเพื่อให้คำปรึกษารัฐบาลอิรัค

๑๐.ช่วงเวลานี้ เป็นระยะที่กลุ่มก่อการร้ายไอสิสทั้งในซีเรียทั้งในอิรัค พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ตกเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนและจนมุมหลายครั้ง รัฐบาลอเมริกา อิสราเอล ซาอุฯ และอังกฤษไม่สามารถจะช่วยให้กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้เอาชนะกลุ่มทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียและอิรัค ซึ่งมีพลเอกโซไลมณีเป็นแกนนำในการวางแผนรบได้ ทำให้แผนการยึดครองตะวันออกกลางของอิสราเอลไม่คืบหน้า จึงนำไปสู่การคิดแผนสังหารเขาขึ้นมา

๑๑.วันที่พลเอกโซไลมณีถูกสังหาร เขาได้รับเชิญจากรัฐบาลอิรัคให้เดินทางมาอิรัคในฐานะทูตจากรัฐบาลอิหร่าน เขาเดินทางมาไม่กี่คน และมาบนโดยสารเครื่องบินพาณิชย์จากซีเรีย การมาของเขา เป็นที่รู้จักทางสื่ออย่างแพร่หลาย เพราะเขาเดินทางเข้าอิรัคโดยเปิดเผย ในฐานะทูตจากรัฐบาลอิหร่าน

เจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันประจำสนามบินแบกแดดของอิรัคก็รู้ว่านายพลโซไลมณีเดินทางเข้าอิรัคในฐานะทูต รู้กำหนดเดินทางมาถึงและสายการบินที่มาเพราะเขาเดินทางมาในฐานะทูต

๑๒.การใช้โดรนสังหารเขาของรัฐบาลอเมริกัน จึงเป็นวิธีของพวกขี้ขลาด ตาขาว เพราะใช้วิธีขั้นต่ำคือหมาลอบกัดหลังจากที่บริวารทั้งหลายพ่ายแพ้เขาในสนามรบมาแล้ว โดยที่เขาเองก็นึกไม่ถึงว่ารัฐบาลอเมริกาจะใช้วิธีต่ำทรามขนาดนี้ได้

ขอคารวะนายพลโซไลมณี ผู้กล้าที่กล้าต่อสู้กับจักรวรรดินิยมอเมริกาและพวกยิวไซออนิสต์ (American Imperialism+Zionism) อย่างห้าวหาญครับ

*ดร.ปฐมพงษ์*

๕ มกราคม ๒๕๖๓